ในช่วงแรกของการทำตลาดบริษัทจะเน้นการเจาะกลุ่มลูกค้า ประกอบด้วย กลุ่มลูกค้าเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท และ กลุ่มลูกค้าทั่วไป ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการใช้งานผนังคอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปในเชิงพาณิชย์ประมาณ 430,000 ตารางเมตรต่อปี และจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 860,000 ตารางเมตรต่อปีในปี 2558 ซึ่งเป็นกำลังการผลิตสูงสุดของบริษัท เพื่อให้บริษัทมีสินค้าเพียงพอสำหรับรองรับความต้องการใช้งานของกลุ่มลูกค้า โดยตั้งเป้ารายได้รวม 300 - 400 ล้านบาท
“ตลาดวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ในปัจจุบันปัญหาที่วงการก่อสร้างต้องเผชิญอยู่ คือ ปัญหาด้านการบริหารจัดการต้นทุน ทั้งในด้านการขาดแคลนแรงงาน เวลา รวมถึงปัญหาการกำหนด spec วัสดุ ตลอดจนการจ้างผู้รับเหมา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป CPanel ขึ้น เพื่อช่วยลดและแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเป็นวัสดุที่เน้นติดตั้งง่าย รวดเร็ว ประหยัดเวลา ลดความซับซ้อนและการพึ่งพาฝีมือแรงงาน"นายชาคริต กล่าว
สำหรับผลิตภัณฑ์ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete Wall Panel) มีรูปแบบหลัก 2 แบบ ประกอบด้วย ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป และ แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นด้วยระบบการผลิตแบบ Fully Automatic ของ Vollert Anlagenbau Gmbh ประเทศเยอรมันนี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับในระดับสากล มีการควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวดจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทมีคุณภาพสม่ำเสมอ ใช้ระยะเวลาการผลิตที่สั้น มีความคงทนแข็งแรง มีคุณสมบัติต้านทานการซึมน้ำ เนื่องจากมีระบบ Wet Joint ป้องกันการรั่วซึมได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนถูกควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้ง มีการตรวจสอบคุณภาพตั้งแต่การออกแบบด้วยระบบ Real 3D ทำให้เห็นสินค้าในรูปแบบเสมือนจริง ซึ่งช่วยลดปัญหาการประกอบสินค้าหน้างาน ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างบ้านตัวอย่างเพื่อทดลองประกอบ ลดต้นทุนการผลิตและเวลาสำหรับลูกค้า และยังสามารถผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีขนาดใหญ่สุดถึง 50 ตารางเมตร (4 เมตร x 12.5 เมตร) โดยออกแบบและผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีรูปแบบและคุณสมบัติเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า เช่น การเว้นช่องว่างตามขนาดของประตูหรือหน้าต่าง การจัดรูปทรงผนังตามรูปแบบต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และกลุ่มเป้าหมาย