โดยกรมการค้าภายในได้มีการประชุมหารือร่วมกับธนาคารพาณิชย์ สมาคมโรงสี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 เพื่อชี้แจงโครงการฯ แก่ผู้เกี่ยวข้อง และได้ออกประกาศกรมการค้าภายใน ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2557 เรื่อง รับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2557/58 โดยให้ผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2557
ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2557 มีผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 34 จังหวัด ผู้ประกอบการ จำนวน 256 ราย ปริมาณเก็บสต็อก 6.2 ล้านตัน ซึ่งเกินเป้าหมายและวงเงินที่ได้รับอนุมัติ 2 ล้านตัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ ตรวจสอบวงเงินสินเชื่อในการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรของผู้ประกอบการที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ว่าได้รับสินเชื่อวงเงินกู้เป็นจำนวนเท่าใด เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการเข้าร่วมโครงการฯ และกำหนดโควตาปริมาณการเก็บสต็อกข้าวต่อไป
อนึ่ง รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เห็นชอบเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2557 ให้นำเงินเหลือจ่ายของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ งบประมาณปี 2557 โอนเปลี่ยนแปลง มาใช้ในโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกเพิ่มขึ้น วงเงิน 315 ล้านบาท (ค่าชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 วงเงิน 306 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของคณะอนุกรรมการระดับจังหวัด และกรมการค้าภายใน 9 ล้านบาท) ซึ่งสำนักงบประมาณได้มีหนังสือลงวันที่ 23 กันยายน 2557 แจ้งการอนุมัติเปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าวแล้ว
ต่อมา คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวได้มีมติเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2557 เห็นชอบให้ปรับเพิ่มเป้าหมายการเก็บสต็อกข้าวเปลือกตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2557/58 จากเดิม 2 ล้านตัน ปรับเพิ่มอีกจำนวน 4 ล้านตัน รวมเป็นจำนวน 6 ล้านตัน เนื่องจากมีผู้ประกอบการค้าข้าวสมัครเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 34 จังหวัด ผู้ประกอบการ จำนวน 256 ราย ปริมาณเก็บสต็อก จำนวน 6.2 ล้านตัน มากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เดิม ประกอบกับประสบปัญหาการส่งออกข้าวไปทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะข้าวนึ่ง ซึ่งในปีที่ผ่านมาส่งออกจำนวน 3.749 ล้านตัน
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติวงเงินงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการเก็บสต็อกข้าวเปลือกเพิ่มอีกจำนวน 4 ล้านตัน คิดเป็นวงเงินจำนวน 612 ล้านบาท จากเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จากเดิมที่อนุมัติจำนวน 315 ล้านบาท (แยกเป็นค่าชดเชยดอกเบี้ย จำนวน 306 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินการ จำนวน 9 ล้านบาท โดยนำเงินเหลือจ่ายของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ งบประมาณปี 2557 โอนเปลี่ยนแปลงมาใช้) รวมเป็นวงเงินที่อนุมัติ จำนวน 927 ล้านบาท (แยกเป็น ค่าชดเชยดอกเบี้ย จำนวน 918 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินการ จำนวน 9 ล้านบาท)