สำหรับการตีราคาสต็อกข้าวสิ้นสุด ณ 31 ต.ค.57 พบว่ามีข้าวในสต็อกถึง 85% ที่คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน และทำให้รัฐบาลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวอยู่ที่ 6.6 แสนล้านบาท ซึ่งหากประเมินปริมาณข้าวคงเหลือในสต็อก 17 ล้านตัน ว่าจะขายหมดภายใน 10 ปี จะทำให้มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 9.6 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 3 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ นโยบายรับจำนำข้าวยังก่อให้เกิดต้นทุนและความเสียหายต่อสังคมมากกว่าเกิดประโยชน์ต่อชาวนาและผู้บริโภคคิดเป็นมูลค่า 1.23 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันยังพบว่าชาวนาในโครงการมีรายได้ทางตรงเพิ่มขึ้น 2.96 แสนล้านบาท แต่เมื่อรวมประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากโครงการแล้วจะอยู่ที่ 5.61 แสนล้านบาท โดยประโยชน์ส่วนใหญ่ของโครงการนี้จะตกอยู่กลับชาวนารายกลางและรายใหญ่มากกว่าชาวนารายเล็กที่ยากจน
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า โครงการรับจำนำข้าวมีค่าเช่าทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่า 5.85 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 41% ของ GDP เกษตร จึงทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องลงทุนเพื่อแสวงหากำไรพิเศษนี้เป็นการถลุงทรัพยากรที่แท้จริงของประเทศ และส่งผลเสียต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น ต้นทุนปลูกข้าวที่แพงขึ้น, การใช้น้ำชลประทานมากกว่าแผนการจ่ายน้ำของกรมชลประทาน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาน้ำแล้งในปีนี้ และการเก็บข้าวไว้ในโกดังจนเสื่อมคุณภาพ เป็นต้น