ขณะที่โครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศ หากไม่ดำเนินการใด ๆ จะเป็นปัญหาในอนาคต เนื่องจากต้องพึ่งพาการนำเข้าปริมาณที่สูงขึ้นโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ดังนั้นต้องดูราคาให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังคงยืนยันแนวทางดังกล่าว เนื่องจากเชื้อเพลิงแต่ละชนิดจำเป็นต้องสะท้อนต้นทุนและควรเสียภาษีในอัตราใกล้เคียงกัน ปัจจุบันเก็บเงินจากดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันประมาณ 4 บาทต่อลิตร แต่เก็บสรรพสามิตดีเซลเพียง 75 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างราค่าพลังงานจะส่งผลดีต่อผู้ใช้น้ำมัน แต่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ก๊าซ โดยเฉพาะแอลพีจี เพราะมีการนำเงินจากกองทุนฯ มาอุดหนุนเกือบ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนแก๊สโซฮอล์ 91 จะยกเลิกจำหน่ายหรือไม่กำลังพิจารณาความเหมาะสม เพราะต้องยอมรับว่ามอเตอร์ไซค์ใช้น้ำมันตัวนี้จำนวนมาก
ด้านนายไกรสีห์ กรรณสูต กรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) กล่าวว่า แนวโน้มค่าเอฟทีงวดใหม่(มกราคม-เมษายน) คาดว่าจะยังไม่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง เนื่องจากราคาก๊าซอิงราคาน้ำมัน 6 เดือน จึงยังไม่ส่งผลต่อราคาต้นุทนก๊าซในก่ารผลิตไฟฟ้ามากนัก แต่ในงวดถัดไปอาจเห็นชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน กกพ.อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างค่าไฟใหม่ คาดว่าจะเสร็จในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีหน้า