บริษัทมองว่าประชากรในปัจจุบันมีผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้น โดยเห็นได้จากประเทศไทยมีประชากรที่มีอายุสูงกว่า 65 ปีคิดเป็นสัดส่วนที่ 9% และมีทิศทางเพิ่มขึ้นเป็น 25% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในปี 83 ซึ่งธุรกิจประกันชีวิตจะต้องเข้ามามีบทบาทเชิงรุกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทยสู่ยุค Aging Society ที่กำลังจะมาถึงด้วย
สำหรับช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯจะเริ่มเห็นการนำเสนอขายในรูปแบบของ Direct Marketing (ผ่านโทรทัศน์) ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 30% จากที่ประชากรไทยมีการยอมรับการประกันมากขึ้น แต่แม้ว่าจะเห็นการเติบโตของช่องทางจำหน่ายดังกล่าว แต่การนำเสนอขายประกันผ่านตัวแทนยังคงเป็นช่องทางหลักต่อไป เนื่องจากเบี้ยประกันที่นำเสนอขายยังมีทุนประกันต่ำกว่าช่องทางการขายตรง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มเติม โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV หลังจากที่เข้าไปจัดตั้งสำนักงานผู้แทนในประเทศพม่าแล้วตั้งแต่ช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนกัมพูชา ลาว และเวียดนาม อยู่ระหว่างการศึกษาข้อกฎหมายที่จะเข้าไปทำธุรกิจทั้งในรูปแบบการจัดตั้งสำนักงานตัวแทนขาย หรือในรูปแบบอื่นๆ รวมทั้งมองโอกาสที่จะขยายไปยังฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียด้วย
"ปีนี้ก็น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีที่จะโตไม่ต่ำกว่า 15% จากความต้องการซื้อประกันที่เพิ่มขึ้น ส่วนแผนการขยายตลาดไปในประเทศ CLMV ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราให้ความสำคัญเต็มที่ และก็มองไปถึงประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ก็แล้วแต่ว่ากฎหมายของแต่ละประเทศเป็นอย่างไร บางประเทศก็อนุญาตให้บริษัทของต่างชาติลงทุนได้ 100% หรือ ลงทุนได้เท่านี้ และบางประเทศที่ยังไม่อนุญาตเลย"นายสาระ กล่าว