"เมื่อใดก็ตามที่ ป.ป.ช.ขอให้ยุติการระบายในล็อตนั้นเพื่อจะตรวจสอบเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเป็นล็อตๆ ไป แต่การระบายข้าว หรือการขายข้าวออกไปก็ขอให้ยึดหลักความสุจริต โปร่งใส อย่าให้มีการสมยอม หรือการฮั้วราคา และไม่ต้องห่วงว่าใครที่ดำเนินการตามคำแนะนำของป.ป.ช.ไปแล้วจะถูกดำเนินคดีในภายหลัง" รองโฆษกรัฐบาล ระบุ
ส่วนกรณีของยางพารานั้น จากความกังวลว่าเมื่อองค์การสวนยาง(อสย.)ได้รับเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) แล้ว สามารถระบายยางในสต็อกได้หรือไม่นั้น ป.ป.ช.ยืนยันว่า อสย.มีอำนาจขายยางพารา หากมีงบประมาณเพียงพอ ธ.ก.ส.จ่ายเงินให้เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถนำยางในสต็อกออกไปขายได้ พร้อมยืนยันว่าไม่มีสำนวนเรื่องการตรวจสอบยางพาราอยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช.แต่อย่างใด
"สรุปว่าทั้ง 2 กรณี มีการอนุมัติให้จำหน่ายได้ตามนโยบายของรัฐบาล"พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พร้อมระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังได้เน้นย้ำถึงการจ่ายเงินค่าข้าวให้แก่ชาวนาในช่วงนี้ โดยยอมรับว่าอาจจะทำได้ล่าช้าไปบ้าง เนื่องจากต้องตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน แต่เมื่อการตรวจสอบข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้วคาดว่าภายในเดือนธ.ค.จะสามารถจ่ายเงินได้ครบ หรืออย่างน้อยก็จะจ่ายได้มากกว่า 90%
ส่วนกรณีการจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ชาวสวนยาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชีรายชื่อนั้น เชื่อว่าจะจ่ายเงินช่วยเหลือได้ทันภายในเดือนนี้อย่างแน่นอน พร้อมย้ำว่าส่วนไหนที่มีความพร้อมก่อนก็สามารถจ่ายได้ก่อนทันที เพื่อให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบังเกิดผลและมีเม็ดเงินถึงมือเกษตรกรได้โดยเร็ว