นายพิภพ โชควัฒนา รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2557 ที่กำลังจะผ่านพไปนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีปัจจัยลบเข้ามากระทบอยู่รอบด้าน เริ่มตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่กินระยะเวลากว่า 6 เดือน ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาวะเศรษฐกิจไทยลดลง การบริโภคภายในประเทศทรุดตัวลง การลงทุนของภาครัฐหยุดชะงัก นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติชะลอการลงทุน นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวลดลง
โดยเศรษฐกิจไทยไม่เพียงแต่เผชิญกับการหดตัวลงของอุปสงค์ภายในประเทศเท่านั้น อุปสงค์ภายนอกที่สะท้อนผ่านภาคการส่งออกก็ยังหดตัวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวได้ล่าช้า ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ด้วยปัจจัยรุมเร้าต่างๆ ข้างต้น ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกหดตัวร้อยละ 0.1
นายพิภพ กล่าวว่า สำหรับเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี 2557 เริ่มมีสัญญาณของการปรับตัวที่ดีขึ้นจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจน ภายหลังการเข้ามาบริหารงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ตลอดจนการจัดตั้งรัฐบาลที่สามารถเข้ามารับหน้าที่ปฏิรูปและบริหารประเทศได้ ช่วยเรียกคืนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติกลับคืนมา รวมถึงมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณค้างจ่ายของปี 2557 และเร่งจัดทำงบประมาณในปี 2558 ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้ทันตามกำหนดเวลา เป็นต้น
การดำเนินการเหล่านี้ได้ทำให้ภาพของเศรษฐกิจไทยค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ สะท้อนได้จากเครื่องชี้เศรษฐกิจต่างๆ ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่การหดตัวของเครื่องชี้มีขนาดเล็กลง เช่น การบริโภคเอกชนและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มทยอยกลับเข้ามาเที่ยวในเมืองไทย ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอาจยังไม่ชัดเจนจากปัจจัยราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ และระดับหนี้ภาคครัวเรือนที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ภาคการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีความเปราะบาง ประกอบกับความสามารถในการแข่งขันของสินค้าส่งออกไทยที่เริ่มลดลง จากศักยภาพการผลิตที่ปรับไม่ทันกับความต้องการของตลาดโลก