หอการค้าไทย คาดสินค้าไทยมีสิทธิโดนเพื่อนบ้านแย่งตลาดจีนหลังเปิด AEC

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 25, 2014 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยบทวิเคราะห์ "การแข่งขันสินค้าไทยและอาเซียนในตลาดจีนอีก 5 ปีข้างหน้า"ว่า ภาพรวมการแข่งขันสินค้าไทยในตลาดจีนอีก 5 ปีข้างหน้า(ปี 58-62) หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)จะได้รับความเสียหาย เพราะประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มลุ่มน้ำโขงทั้งกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนามจะแย่งตลาด ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเข้าไปในตลาดจีนหายไป 117,000 ล้านบาท แต่ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ 1.97% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.95%

สำหรับสินค้าส่งออกของไทยในตลาดจีนที่นำมาศึกษา 14 รายการ พบว่า กลุ่มเกษตรจะได้รับความเสียหายมากขึ้น โดยเฉพาะข้าวคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า มูลค่าส่งออกไปจีนลดลง 14,600 ล้านบาท ส่วนแบ่งตลาดลดลงมาอยู่ที่ 20-30% จากปัจจุบัน 90% เพราะถูกเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม พม่า และกัมพูชาแย่งตลาด ทั้งในจีนและอาเซียน เช่นเดียวกับการส่งออกสัตว์น้ำ ที่เวียดนามและอินโดนีเซียจะแย่งตลาด ทำให้มูลค่าการส่งออกสัตว์น้ำของไทยในตลาดจีนอีก 5 ปีข้างหน้าหายไป 3,091 ล้านบาท

นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นจะได้รับความเสียหายมากขึ้น โดยสิ่งทอจะมีมูลค่าส่งออกลดลง 17,500 ล้านบาท เครื่องแต่งกาย ลดลง 5,002 ล้านบาท รองเท้า ลดลง 4,154 ล้านบาท และอัญมณี ลดลง 25,600 ล้านบาท แต่สินค้าที่จะได้รับผลกระทบในด้านของมูลค่าส่งออกลดลงมากที่สุดคือ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่าส่งออกหายไปถึง 198,000 ล้านบาท เพราะมาเลเซีย ซึ่งเป็นเจ้าตลาดเดิมได้ขยายฐานส่งออกมากขึ้น รวมทั้งเวียดนาม ที่มีต่างชาติไปตั้งฐานการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีสินค้าที่ยังได้ประโยชน์หลังเปิด AEC ได้แก่ มันสำปะหลัง ที่คาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 14,500 ล้านบาท ยางและผลิตภัณฑ์ยางคาดจะมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 18,400 ล้านบาท ผลไม้เพิ่มขึ้น 17,000 ล้านบาท อาหารแปรรูปเพิ่มขึ้น 16,200 ล้านบาท ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้เพิ่มขึ้น 1,541 ล้านบาท และพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้น 1,209 ล้านบาท

"ปัจจุบันไทยมีมูลค่าการส่งออกในตลาดจีนเป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย แต่ในอีก 5 ปีข้างหน้า มูลค่าการส่งออกของไทยจะหล่นไปอยู่อันดับ 4 โดยมีอินโดนีเซีย และเวียดนามแซงหน้าขึ้นมา และไม่ใช่แค่ในตลาดจีนเท่านั้นที่สินค้าไทยจะโดนแย่งตลาด ยังรวมไปถึงตลาดอาเซียนด้วย ดังนั้น ทางออกคือเราต้องขายสินค้าที่มีคุณภาพและมีมูลค่าสูงขึ้น ไม่ใช่แข่งขันที่ราคากับประเทศเพื่อนบ้าน CLMV ที่ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าไทย" นายอัทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ ภาครัฐควรช่วยหาสถานที่ หรือประสานงานกับเอกชนที่เข้าไปลงทุนในจีนตั้งศูนย์กระจายสินค้าไทย เพื่อเป็นช่องทางนำสินค้าไทยไปขายในตลาดจีนมากขึ้น รวมทั้งช่วยศึกษาข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคและรสนิยมความต้องการสินค้าของคนจีนตามรายมณฑลและรายสินค้า เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยใช้เป็นข้อมูลในการเจาะตลาด ไม่ใช่ทำแบบเหวี่ยงแห่เหมือนทุกวันนี้ และส่งเสริมให้ใช้สิทธิประโยชน์จากการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ให้มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ