BOI คลอดยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุน 7 ปี-ออกมาตรการช่วยเหลือ SMEs

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 25, 2014 18:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางหิรัญญา สุจินัย รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ บีโอไอ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานให้ความเห็นชอบ“ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนในระยะ 7 ปี" (พ.ศ. 2558 – 2564) โดยกำหนดวิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ใหม่ ได้แก่ ส่งเสริมการลงทุนที่มีคุณค่าทั้งในประเทศและการลงทุนของไทยในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ก้าวพ้นการเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลาง และช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

นโยบายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุนภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ จะให้ความสำคัญกับประเภทกิจการที่เป็นประโยชน์และมีคุณค่าต่อภาคอุตสาหกรรมและต่อประเทศเป็นหลัก เช่น กิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง กิจการเชิงสร้างสรรค์ กิจการหรือบริการเพื่อรองรับการพัฒนา Digital Economy กิจการที่พัฒนาจากทรัพยากรในประเทศ ดังนั้น การส่งเสริมการลงทุนภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ จะยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ตามเขตที่ตั้ง เหลือเฉพาะพื้นที่ทีมีรายได้ต่อหัวต่ำใน 20 จังหวัดเท่านั้น และการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มจากสิทธิพื้นฐานตามประเภทอุตสาหกรรม

สำหรับประเภทกิจการที่เคยอยู่ในบัญชีรายชื่อที่จะยกเลิกให้ส่งเสริม ที่ประชุมเห็นว่าบางประเภทกิจการยังมีความสำคัญต่อห่วงโซ่การผลิต และมีศักยภาพที่จะส่งเสริมให้เข้มแข็งมากขึ้นได้ จึงมิได้ยกเลิกให้ส่งเสริม แต่ได้ปรับเงื่อนไขในการให้ส่งเสริม เพื่อให้กิจการเหล่านั้นลงทุนเพิ่มเพื่อยกระดับการผลิตหรือการออกแบบ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น

"ที่ผ่านมา มีนักลงทุนบางส่วนกังวลต่อบัญชีประเภทกิจการที่จะให้ส่งเสริมภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ ซึ่งบีโอไอมิได้ยกเลิกการให้ส่งเสริมกิจการเป็นจำนวนมากแต่อย่างใด โดยประเภทกิจการที่จะให้ส่งเสริมยังมีจำนวนใกล้เคียงกับประเภทกิจการที่ให้ส่งเสริมในปัจจุบัน ประมาณ 200 กว่าประเภทกิจการ แต่จะแบ่งออกเป็นกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีเงินได้นิติบุคคล ประมาณ 180 กิจการ อีกประมาณ 50 กิจการจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านอากรนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ และสิทธิประโยชน์ที่มิใช่ภาษี โดยจะมีการประกาศรายชื่อประเภทกิจการที่จะให้ส่งเสริมในเว็บไซต์บีโอไอต่อไป" นางหิรัญญา กล่าว

ทั้งนี้ กิจการที่จะได้รับส่งเสริมจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเอ เป็นกิจการที่มีความสำคัญสูงต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและมีความจำเป็นต้องให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุน และให้สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ ขณะที่กลุ่มบี เป็นกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมสนับสนุนที่มีการใช้เทคโนโลยีไม่สูงนัก แต่ยังมีความสำคัญต่อห่วงโซ่มูลค่า โดยจะไม่ให้ได้รับสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่จะอำนวยความสะดวกผ่านสิทธิประโยชน์ด้านเครื่องจักร วัตถุดิบ และสิทธิประโยชน์ที่มิใช่ภาษี

ส่วนการมีผลบังคับใช้สำหรับนโยบายใหม่นี้ จะเริ่มใช้สำหรับโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป

นางหิรัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพื่อเพิ่มศักยภาพและความเข้มแข็งให้สามารถก้าวสู่ระดับสากลมากยิ่งขึ้น โดยจะเลือกเฉพาะ 38 ประเภทกิจการจากยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนในระยะ 7 ปี มาเป็นกิจการที่จะให้ส่งเสริมภายใต้มาตรการเอสเอ็มอี ซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นอีก 2 ปีจากเกณฑ์ปกติ เพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย และเพื่อเร่งรัดให้เกิดการลงทุนของกลุ่มเอสเอ็มอี ที่ประชุมจึงกำหนดให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ถึง 31 ธันวาคม 2560

และที่ประชุมยังได้พิจารณาเห็นชอบนโยบายส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยโครงการที่ลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 5 พื้นที่ (จ.ตาก จ.ตราด จ.สระแก้ว จ.สงขลา จ.มุกดาหาร) หากเป็นกิจการที่ได้รับส่งเสริมภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีก 3 ปีจากเกณฑ์ปกติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ