ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ลดลงนั้น ธปท.มองว่าเป็นผลมาจากปัจจัยด้านอุปทานมากกว่าด้านอุปสงค์ จึงไม่เป็นความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ และไม่เข้าสู่ปัญหาเงินฝืด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่ ธปท.จะต้องปรับลดประมาณการกรอบอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ขณะนี้อยู่ระหว่างรอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมทั้งไม่จำเป็นจะต้องใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยเข้ามาควบคุม
"เงินเฟ้อที่ลดลงก็เป็นประเด็นที่ต้องติดตาม แต่จะไม่มีผลต่อนโยบายการเงิน เพราะธปท.ดูแลด้านเงินเฟ้อที่มาจากปัจจัยด้านอุปสงค์เป็นหลัก ขณะที่ปัจจัยด้านอุปทานไม่ถือว่าเป็นความเสี่ยง เนื่องจากในปี 2558 รัฐบาลมีนโยบายในการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลง เป็นต้น โดยขณะนี้เศรษฐกิจอยู่ในช่วงปรับตัวดีขึ้น และยังไม่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อแต่อย่างใด"นายจิรเทพ กล่าว
พร้อมระบุว่า นโยบายการเงินต้องมีความยืดหยุ่น และใช้เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัว หรือใช้เมื่อเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะวิกฤตเท่านั้น โดยไม่ใช้เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อต่ำลงก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้น หรือต้องมีการปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อใหม่ ซึ่งการลดลงของเงินเฟ้อก็เป็นเพียงช่วงสั้นๆ แต่กรอบอัตราเงินเฟ้อเป็นการคาดการณ์ทั้งปี ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ธปท.ที่ต้องตอบคำถามว่าสาเหตุที่เงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงไปมาจากอะไร ซึ่งเชื่อว่าตลาดและนักลงทุนจะเข้าใจ