"ตั้งแต่ ม.ค.58 เป็นต้นไป การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จะต้องเป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้ ผมอยากจะเห็นยุทธศาสตร์นี้ทำงานได้จริง และขับเคลื่อนได้จริง" รมว.พาณิชย์ กล่าว
สำหรับการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยนั้น จะต้องเร่งรัดการทำตลาดในเชิงกลยุทธ์ และหาตลาดส่งออกใหม่ๆ ขณะเดียวกันจะต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างการส่งออก เพื่อวางรากฐานให้แก่เศรษฐกิจในระยะยาวควบคู่กันไปด้วย
ส่วนการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ AEC นั้น จะทำควบคู่ไปกับการส่งเสริมการค้าชายแดน ที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน โดยจะต้องเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้แก่ SMEs รวมทั้งการสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อให้ได้เป็นศูนย์กลางของอาเซียนได้อย่างแท้จริง
สำหรับการดูแลบริหารสินค้าเกษตรนั้น จะต้องมีการยกระดับและปรับโครงสร้างราคาสินค้าเกษตรใหม่ ซึ่งจะมีการแต่งตั้งให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลสินค้าเกษตรเป็นรายตัว และให้มีการรายงานผลมายัง รมว.พาณิชย์ในทุกเดือน
ส่วนการดูแลปัญหาค่าครองชีพนั้น จะส่งเสริมแนวคิดให้ประชาชนรู้จักฉลาดซื้อ ประหยัดใช้ พร้อมกับจะส่งเสริมให้มีตลาดระดับชุมชนสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะเป็นการจำหน่ายสินค้าในคุณภาพระดับเดียวกับที่จำหน่ายเป็นการทั่วไปแต่จำหน่ายในราคาที่ถูกกว่า โดยจะปรับเปลี่ยนการบรรจุหีบห่อที่ลดความสวยงามลงเพื่อลดต้นทุนการผลิต ซึ่งจะทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพเดียวกันในราคาที่ถูกลงได้
รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวถึงการส่งออกของไทยในปีนี้ โดยระบุว่า จากที่เริ่มเห็นสัญญาณการส่งออกในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่เริ่มดีขึ้น จึงเชื่อว่าทั้งปีนี้มูลค่าการส่งออกจะไม่ติดลบอย่างแน่นอน ส่วนในปี 58 นั้นกระทรวงพาณิชย์จะพยายามผลักดันให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้มากกว่าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ประเมินไว้ที่ 3.24% โดยคาดว่าจะทำได้ถึง 4% หากไม่มีสถานการณ์เลวร้ายใดๆ เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
"ผมมั่นใจว่าถ้าไม่มีเหตุเลวร้ายทั้งในประเทศ และต่อเศรษฐกิจโลก เชื่อว่าปีหน้าส่งออกไทยจะโตได้ 4% เราจะผลักดันให้สูงกว่าที่ IMF คาดการณ์ไว้ที่ 3.24% ส่วนในปีนี้มั่นใจว่าจะไม่ติดลบ เพราะเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย" พล.อ.ฉัตรชัย ระบุ