"ผมมองว่ามีโอกาสที่ กนง.จะลดดอกเบี้ย 0.25% มาที่ 1.75% เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจโตเร็วขึ้น" นายบุญทักษ์ กล่าว
ทั้งนี้ มองว่าภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่เดิมเราคิดว่าจะปรับเป็นรูป V แต่ความจริงเป็น V แบบ Slope เตี้ยมาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่น่าสนใจคือการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมาแรงเป็นการสะท้อนว่าภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจโลก
นายบุญทักษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปีค.ศ. 2008 หรือ ปีพ.ศ.2551 เศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัวขึ้น แต่เนื่องจากมีสภาพคล่องในโลกเยอะมาก ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาคนเลยคิดว่าเศรษฐกิจโลกดีขึ้นแล้ว แต่การที่ราคาน้ำมันตกมาแรง สะท้อนว่าความต้องการน้ำมันไม่ได้เพิ่มขึ้นและเป็นตัวสะท้อนว่าเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง...
"ถือเป็นความท้าทายว่าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้นอย่างไร ประเทศไทยจะเผชิญสิ่งต่างเหล่านี้ได้อย่างไร แต่ผมเชื่อว่าเมืองไทยยังมีความสามารถในการแข่งขันเยอะ ประกอบกับ AEC จะช่วยให้เมืองได้เปรียบ ความสามารถในการแข่งขันในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่กฎหมายที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจการลงทุน เรื่องโลจิสติก เรื่องการศึกษา เรื่องแรงงานที่มีคุณภาพ เราต้องทำในระยะอันสั้นนี้"
อย่างไรก็ดี ความท้าทายของธุรกิจธนาคารสะท้อนกับสภาะวเศรษฐกิจอยู่แล้ว ถ้าเศรษฐกิจดีธุรกิจธนาคารก็ดี แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ธนาคารต้องพัฒนาประสิทธิภาพให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจปี 2558 น่าจะโตได้ 3-4% แต่อาจจะเริ่มโตในไตรมาส 2 ธนาคารเองยังมีสภาพคล่องอยู่ แต่ต้องคอยระวังเพราะเฟดอาจจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะปีหน้าหรือในปีถัดไป
"สิ่งที่ต้องระวังตอนนี้คือความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นปกติก่อนที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยจริงๆ อัตราแลกเปลี่ยนจะผันผวนมากจนกระทั่งขึ้นดอกเบี้ยจริงๆ ซึ่งผู้ประกอบการต้องบริหารความเสี่ยง และต้องเตรียมตัวในช่วงที่ภาวะสภาพคล่องลดลง"ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าว
สำหรับผลการเลือกตั้งของประเทศญี่ปุ่น สะท้อนว่ารัฐบาลชินโสะ อาเบะ คงจะสามารถดำเนินการปฏิรูปประเทศได้อย่างมั่นคงหลังชนะการเลือกตั้งเป็นเอกฉันท์ ซึ่งเศรษฐกิจญี่ปุ่นสำคัฐเป็นอันดับ 3 ของโลก และการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นน่าจะเป็นผลดีต่อประเทศไทย