ในขณะที่ธุรกิจเทคโนโลยีสื่อสาร และอุปกรณ์ อยู่ในอันดับสามของธุรกิจดาวเด่นของปีหน้า โดยมีปัจจัยบวกจากความต้องการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นภายใต้นโยบาย Digital Economy รวมถึงราคาอุปกรณ์สื่อสารที่ลดต่ำลง
สำหรับธุรกิจดาวเด่นในส่วนที่เหลือคือ อันดับที่ 4 ธุรกิจการศึกษาและธุรกิจท่องเที่ยว อันดับ 5 ธุรกิจประกันชีวิต อันดับ 6 ธุรกิจเครื่องดื่มอันดับ 7 ธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงมือยาง ถุงมือตรวจ และธุรกิจก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง อันดับที่ 8 ธุรกิจจำหน่ายและผลิตสินค้าสำหรับผู้สูงอายุ อันดับ 9 มี 2 ธุรกิจ ประกอบด้วธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เข้ามาใหม่ในปีนี้ อย่างธุรกิจร้านกาแฟ ซึ่งโดดเด่นจากความนิยมบริโภคกาแฟที่เพิ่มสูงขึ้น และอันดับ 10 เป็น 2 ธุรกิจที่เข้ามาใหม่ คือธุรกิจประมงน้ำจืด และธุรกิจจำหน่ายบิ้กไบค์ ที่โดดเด่นจากรสนิยมและความต้องการขับขี่มอเตอร์ไซด์ที่มีขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น
ส่วน 10 ธุรกิจดาวร่วงสำหรับปีหน้า ประกอบด้วย ธุรกิจดอกไม้ประดิษฐ์ หัตถกรรมทั่วไป ผักและผลไม้อบแห้ง สิ่งทอผ้าผืน ร้านค้าดั้งเดิม ยางพารา โทรทัศน์สีรุ่นธรรมดา ข้าว ส้วมนั่งยอง และมอเตอร์ไซด์
นายธนวรรธน์ กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจปี 58 คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 4% ตามการขยายตัวของตัวเลขเศรษฐกิจด้านต่างๆ การส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 4.1% การบริโภคขยายตัวได้ 2.7% การลงทุนขยายตัว 6.9% อุตสาหกรรมขยายตัว 4.5% ภาคการเกษรตรขยายตัว 1.6% และอัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้น 2.3%
ส่วนปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจด้านต่างๆคือ เศรษฐกิจโลกที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวรวมไปถึงเศรษฐกิจในภูมิภาคที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันภาครัฐฯมีการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งนโยบายทางด้านการเงินและการคลัง รวมไปถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ นอกจากนี้ในปี 58 ยังเป็นปีที่จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยคือ สถานการณ์ทางด้านการเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมไปถึงความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งยังต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง