สำหรับกรอบการแกว่งตัวของราคาทองที่ 1,050-1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์นั้น ถือว่าสะท้อนต้นทุนการผลิตทองคำที่สภาทองคำโลกและเหมือง Primero ได้แจ้งไว้เมื่อต้นปี 2557 ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มชะลอตัว โดยไอเอ็มเอฟได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2557 สู่ระดับ 3.3% จากเดิม 3.4% และปี 2558 สู่ระดับ 3.8% จากเดิม 4% เนื่องจากความอ่อนแอในยูโรโซน การชะลอตัวในตลาดเกิดใหม่หลักๆ และอัตราเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลกทั้งสหรัฐ จีน และประเทศในแถบยูโรโซนที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับทองคำมีผลตอบแทนจากการลงทุนลดลงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ทำให้ทองคำได้รับความน่าสนใจในการลงทุนลดลง
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มความต้องการซื้อทองคำเพื่อสวมใส่ปี 2558 กลับเพิ่มขึ้น จากอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียประมาณ 6.4% ซึ่งประเทศอินเดียเป็นประเทศที่นำเข้าทองคำสำหรับเป็นเครื่องประดับมากเป็นอันดับต้นๆของโลก ใกล้เคียงกับประเทศจีน หากเศรษฐกิจอินเดียสามารถเติบโตได้ตามที่คาดการณ์
ทั้งนี้ต้องจับตาดูเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะขยายตัว 7.2% ในปี 2558 ซึ่งจะชะลอลงจาก 7.4% ในปี2557 ทำให้ความต้องการทองคำของจีนคาดจะทรงตัว แต่เมื่อพิจารณาความต้องการทองคำรวมทั้งตลาดจีน และอินเดียแล้วความต้องการรวมอยู่ระดับ 1,500 ตันต่อปีซึ่งถือเป็น 68% ของความต้องการเครื่องประดับของโลก
นายโสฬส กล่าวต่อว่า ในปี 2558 ต้นทุนการผลิตทองคำมีแนวโน้มลดลงตามราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มทรงตัวระดับ 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากคาดว่าทางโอเปคจะมีการประชุมเพื่อลดกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันโลก ตามภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แม้ว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในปัจจุบัน เป็นเพียงเกมการเมืองเพื่อคว่ำบาตรประเทศรัสเซียเท่านั้น แต่ก็เป็นปัจจัยระยะสั้น ทำให้ราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตทองคำปรับตัวลดลงจากปี 2557 และยังมีผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง ทำให้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อมีความน่าสนใจลดลงเช่นกัน
นอกจากนี้การสำรองทองคำของธนาคารกลางต่างๆในปี 2558 คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะประเทศต่างๆ ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ออกมามากมาย ทำให้เศรษฐกิจโลกมีโอกาสฟื้นตัว โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มฟื้นตัวมากที่สุด จึงทำให้ธนาคารกลางต่างๆไม่มีความจำเป็นในการถือทองคำในบทบาทสินทรัพย์เพื่อความปลอดภัยมากนัก ธนาคารกลางต่างๆจึงมีแนวโน้มถือทองคำเป็นเงินสำรองลดลง
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มองว่า ค่าเงินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสแข็งค่าขึ้น หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสที่ 3 เมื่อพิจารณาแล้วว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จึงทำให้ราคาทองคำอาจถูกกดดันให้ปรับตัวลงทดสอบจุดต่ำสุดที่คาดไว้ที่ 1,050 เหรียญต่อทรอยออนซ์ได้
ดังนั้นโกลเบล็ก โฮลดิ้งฯ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำในปี 2558 ว่า หาจังหวะเข้า "ซื้อเพื่อเก็งกำไร" โดยให้แนวรับสำคัญ 1,050 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ถือเป็นแนวรับระดับต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของเหมืองทองคำ โดยอาจปรับตัวลงในไตรมาสที่ 3 หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ โดยในระหว่างปีมองกรอบราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,050 – 1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์ โดยมีจุดขายทำกำไรเมื่อปรับตัวขึ้นทดสอบจุดสูงสุดที่คาดไว้ที่ 1,300 เหรียญต่อทรอยออนซ์