"แรงต้านที่มีไม่หนักมากแต่มันหลายด้าน ในประเทศเรื่องโครงการประชานิยมยังกดดันอยู่ ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คือ ราคาสินค้าต่างๆอยู่ในสภาพที่ทุกคนทราบอยู่ เพราะฉะนั้นเครื่องยนต์ที่มีอยู่อันเดียวกำลังจะบินฝ่าแนวต้าน เพราะฉะนั้นถ้าทำได้ 3-4% ก็เก่งแล้ว"นายโฆสิต กล่าว
สำหรับธนาคารกรุงเทพ นายโฆสิต กล่าวว่า ในอีก 2-3 ปีข้างหน้ามีแผนที่จะเป็นธนาคารด้านยูนิเวอร์แซลแบงก์กิ้ง โดยจะมาเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อยรายเล็ก (เอสเอ็มอีขนาดเล็ก) วงเงินกู้ตั้งแต่จำนวน 100,000-10 ล้านบาท จากเดิมที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้รายใหญ่และขยายมาสู่กลุ่มธุรกิจขนาดกลาง ซึ่งธนาคารต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของความรู้และด้านบุคคล การเชื่อมโยงตลาด เพื่อสามารถเข้าถึงทุกตลาดที่เป็นมาตรฐานสำหรับรายย่อย
ขณะที่ในส่วนของเกษตรนั้น ปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าที่เป็นเกษตรกรก้าวหน้าอยู่ประมาณ 6,000 ราย มีสินเชื่อคงค้างสำหรับช่วยเหลือเกษตรกรอยู่ 16,000 ล้านบาทและจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่ปริมาณเกษตรกรและในแง่ของจำนวนสินเชื่อ เนื่องจากการเกษตรเป็นพื้นฐานของประเทศ เพราะฉะนั้นเราก็อยากสนับสนุนภาคการเกษตรเป็นอาชีพที่ดูแลตัวเองได้เหมือนกับอาชีพอื่นๆ ซึ่งการจะทำให้เกษตรเป็นอาชีพที่ยั่งยืนได้ต้องอาศัยองค์ความรู้ ต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานต่างๆ และต้องมีการเชื่อมโยงกับตลาด ซึ่งธนาคารฯก็ได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรมาทุกปี เช่น การจัดงานวันเกษตรก้าวหน้า ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 9 แล้ว และจะยังทำต่อเนื่องไปทุกปี เป็นงานที่ให้เกษตรกรนำสินค้ามาออกร้าน และปรับปรุงผลิตภัณฑ์เรื่อยๆ
"ธนาคารให้การสนับสนุนเกษตรกรให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีปรับปรุงผลิตผล เพื่อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ" นายโฆสิต กล่าว