BAY คาด GDP ไทยปี 58 โต 4.3% ส่งออกฟื้น-ลงทุนรัฐ-เอกชนหนุน มองบาทอ่อนค่า

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 29, 2014 18:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บทวิจัยธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) มองภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 58 ยังอยู่บนเส้นทางการฟื้นตัวที่ไม่ราบเรียบ โดยทิศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปี 57 คาดว่าจะเติบโตในอัตรา 4.3% ผลจากการใช้จ่ายในประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนที่กลับสู่สภาวะปกติมากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจโลกทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งผลเชิงบวกจากการร่วงลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก

แต่ทั้งนี้ ยังต้องระวังความผันผวนความไม่แน่นอนและความเสี่ยงในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการคลี่คลายวิกฤตเศรษฐกิจโลกและวิกฤตการเมืองไทย พลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้อง การลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโต แรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจากทั้งภายในและภายนอกประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่อ่อนแรงลงทุกด้านในปี 57

สาระสำคัญของแรงขับเคลื่อนในแต่ละด้านสำหรับปี 58 มีดังนี้ ภาครัฐเร่งเครื่องใช้จ่ายและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะเริ่มทยอยปรากฎผลชัดขึ้น โดยเฉพาะงบลงทุนที่คาดว่าจะคับคั่งขึ้นในปี 2558 หลังจากที่เบิกจ่ายล่าช้าในปีก่อน ประกอบกับการเดินหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภาครัฐอาจต่ำกว่าเป้าได้เนื่องจากยังมีการตรวจสอบที่เข้มงวดเพื่อป้องกันปัญหาทุจริตในบางโครงการการลงทุนของภาคธุรกิจจะมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะเติบโตโดดเด่นราว 6-8% หลังซบเซามานาน แรงหนุนจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะช่วยเหนี่ยวนำการลงทุนภาคเอกชนและอาจช่วยหนุนการขยายตัวของความเป็นเมือง (urbanization) ท่ามกลางการเคลื่อนเข้าสู่ AEC ช่วงสิ้นปี 58

นอกจากนี้ การเร่งอนุมัติโครงการลงทุนผ่าน BOI ในช่วงที่ผ่านมาบวกกับมาตรการกระตุ้นการลงทุน เช่น การช่วยเหลือ SMEs อาจทำให้การลงทุนจริงเพิ่มขึ้นจากปีก่อนชัดเจน การใช้จ่ายของครัวเรือนอาจกลับสู่ภาวะปกติมากขึ้นหลังอยู่ในสภาวะผิดปกติกว่า 2 ปี โดยคาดว่าจะเติบโต 2.7-3.7% เนื่องจากการจ้างงานและรายได้นอกภาคเกษตรอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายโดยเฉพาะในชนบทจะถูกจำกัดจากราคาสินค้าเกษตรที่อยู่ในระดับต่ำและหนี้ครัวเรือนที่สูง

การส่งออกและการท่องเที่ยวกระเตื้องขึ้น ด้านการส่งออกอาจฟื้นตัวช้าๆ โดยคาดว่าจะขยายตัว 2-4% ในปี 58 จากที่ไม่เติบโตในปี 57 แรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผนวกกับพลวัตการเติบโตของประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม การส่งออกไทยอาจยังอ่อนแอกว่าหลายประเทศในภูมิภาคเนื่องจากปัญหาด้านความสามารถในการแข่งขัน สำหรับภาคท่องเที่ยวอาจฟื้นตัวดีขึ้นแม้จะไม่เติบโตสูงเหมือนหลายปีที่ผ่านมา

ความต่างของนโยบายการเงินของประเทศแกนหลัก และการร่วงลงของราคาน้ำมันโลก ส่งผลต่อตลาดการเงินและทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทย นโยบายการเงินของไทยที่ยังผ่อนคลายน่าจะเป็นอีกทางหนึ่งที่เสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าในปี 58 จะมีแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ แต่ทางการไทยอาจไม่จำเป็นต้องรีบปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตาม เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก จะทำให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ แม้ไทยจะมีการปรับลดการอุดหนุนราคาพลังงาน และต้นทุนนำเข้าบางส่วนได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินบาทก็ตาม ดังนั้น กนง.จึงมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำ 2.0% อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจโลกและไทยอ่อนแอกว่าคาด เงินเฟ้อที่ต่ำก็จะเปิดทางให้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยปรับลดลงได้

สำหรับค่าเงินบาทในปี 58 อาจผันผวนในทิศทางอ่อนค่า สอดคล้องกับแนวโน้มการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ อันเป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อาจเติบโตโดดเด่นจนสามารถใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น เช่น การปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบาย แตกต่างจากประเทศแกนหลักอื่นๆ ที่มีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดี อาจช่วยจำกัดการอ่อนค่าของเงินบาท ทั้งนี้ ความผันผวนของค่าเงินบาทเป็นประเด็นที่หลีกเลี่ยงมิได้ เนื่องจากความไม่แน่นอนต่างๆ โดยเฉพาะจังหวะและขนาดของการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศแกนหลัก รวมทั้งสถานการณ์การเมืองในประเทศ อาจส่งผลให้กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างฉับพลันเป็นระยะได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ