นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ แถลงว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยมีค่ากลางเท่ากับ 50 ดังนั้น หากค่าดัชนีสูงกว่าค่ากลางมีนัยว่าผู้ประกอบการเห็นว่าเป็นภาวะที่ดี ในทางตรงข้าม หากค่าดัชนีต่ำกว่าค่ากลางมีนัยว่าผู้ประกอบการเห็นว่าเป็นภาวะที่ไม่ดี ซึ่งการสำรวจครั้งนี้มีผู้ประกอบการตอบแบบสอบถามจำนวน 166 บริษัท เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 30 บริษัท และบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 136 บริษัท ในการคำนวณดัชนีรวมจะให้น้ำหนักบริษัทจดทะเบียนและบริษัทไม่จดทะเบียน 50:50 เท่ากัน
ทั้งนี้ เมื่อแยกประเภทผู้ประกอบการ พบว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(Listed) มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นสูงกว่ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน (Non-Listed) มาก โดยผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทจดทะเบียนมีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันเท่ากับ 60.1 ส่วนผู้ประกอบการที่ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียนมีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันเท่ากับ 50.7 ซึ่งสูงกว่าค่ากลาง (ค่ากลางเท่ากับ 50) แสดงให้เห็นว่าทั้งผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทจดทะเบียนและผู้ประกอบการที่ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียนยังมีความเชื่อมั่นที่ดี
ผู้ประกอบการโดยภาพรวมมีค่าความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในด้านการลงทุน การจ้างงาน และต้นทุนประกอบการ แต่ค่าความเชื่อมั่นของผลประกอบการและยอดขายลดลงแม้จะยังอยู่ในระดับดี ในขณะที่การเปิดโครงการใหม่หรือเฟสใหม่โดยภาพรวมทั่วประเทศลดลง แม้ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลจะกระเตื้องขึ้น
สำหรับดัชนีความคาดหวังในอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectations Index) ประจำไตรมาส 4/57 มีค่าเท่ากับ 69.9 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 3/57 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 69.0 เมื่อแยกประเภทผู้ประกอบการ พบว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Listed) มีค่าดัชนีความคาดหวังในอีก 6 เดือนข้างหน้าสูงมากเท่ากับ 78.6 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 75.0 ส่วนผู้ประกอบการที่ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน มีค่าดัชนีความคาดหวังในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 61.1 ปรับลดลงจากไตรมาสที่แล้วซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 63.0
ผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทจดทะเบียน ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าครึ่ง มองอนาคต 6 เดือนนับจากนี้ว่าจะดีขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นจากปี 57 และความคืบหน้าของโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม หักกลบกับปัจจัยลบจากความอ่อนไหวของเศรษฐกิจโลก ปัจจัยการเมือง และหนี้ครัวเรือน