ขณะที่การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยไม่ให้เดือดร้อนจากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ที่ประชุม กบง. มอบหมายให้ บมจ.ปตท.(PTT) รับผิดชอบโครงการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนทั้งหมดแทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังการประชุม กบง.ว่า การคำนวณราคาเฉลี่ยต้นุทน LPG ล่าสุดจะอยู่ที่ 488 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือคิดเป็นประมาณ 16.11 บาท/กิโลกรัม จากเดิมจะอิงจากราคา LPG หน้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ 333 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือประมาณ 11 บาท/กิโลกรัม ซึ่งการปรับสูตรในครั้งนี้ ราคาขายปลีกจะยังคงเดิมที่ 24.16 บาท/กิโลกรัม โดยแนวทางดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.นี้ ซึ่งจะมีการกำหนดราคาดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ กบง.ได้พิจารณาแนวทางการปรับโครงสร้างราคา LPG ดังกล่าว ซึ่งนับว่าเป็นความจำเป็นพราะการใช้ก๊าซ LPG มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี โดยก่อนปี 50 การจัดหาก๊าซ LPG มาจากโรงแยกก๊าซฯ และโรงกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหลัก แต่เนื่องจากในอดีตราคาก๊าซ LPG กำหนดไว้ค่อนข้างคงที่ ต่ำกว่าราคาในตลาดโลกและต่ำกว่าราคาน้ำมัน จึงทำให้มีการใช้ก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนต้องนำเข้าในปริมาณสูงมาก
ราคาหน้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่นน้ำมัน และการนำเข้ากำหนดไว้ที่ประมาณ 333 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือประมาณ 11 บาท/กิโลกรัม ซึ่งราคานี้เป็นราคาที่รัฐกำหนดให้ผู้จัดหาต้องขายซึ่งต่ำกว่าต้นทุนจริง จึงต้องมีการจ่ายชดเชยให้กับผู้จัดหา ส่วนหนึ่งนำเงินมาจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เรียกเก็บจากผู้ซื้อก๊าซ LPG แต่ละกลุ่ม แต่ก็ยังไม่เพียงพอต้องนำเงินที่เรียกเก็บจากกลุ่มน้ำมันมาชดเชยข้ามกลุ่ม (Cross Subsidy) ด้วย ทำให้กองทุนน้ำมันฯ บางช่วงติดลบหลายหมื่นล้านบาท กลายเป็นหนี้สาธารณะของคนไทย
ดังนั้น การปรับโครงสร้างราคา LPG ในวันนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อ 15 ธ.ค.57 ที่เห็นชอบให้ กบง. ไปดำเนินการในรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG โดยกำหนดราคา ณ โรงกลั่นของโรงแยกก๊าซธรรมชาติให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมภายหลังจากยกเลิกการกำหนดราคาหน้าโรงกลั่นของโรงแยกก๊าซที่ระดับ 333 เหรียญสหรัฐ/ตัน ไปแล้ว พร้อมกับกำหนดราคาซื้อตั้งต้นของก๊าซ LPG สำหรับการใช้ประเภทต่างๆ ให้อยู่ในระดับเดียวกัน และปรับเงินจ่ายเข้าออกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีค่าใกล้ศูนย์