"ธปท.ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงเรื่องคุณภาพสินเชื่อรายย่อยและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภคในประเทศที่อาจด้อยลงจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเต็มที่ โดยคาดว่าไตรมาส 1/58 ยอดหนี้เสียจะยังคงปรับเพิ่มขึ้น แต่จากนั้นจะทรงตัวตามภาวะเศรษฐกิจในปี 58 ที่เริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัว นอกจากนี้ ยังมีความกังวลต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่มีความผันผวนเพราะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเปราะบางและนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศหลักมีแนวโน้มแตกต่างกัน”นางทองอุไร กล่าว
นอกจากนี้ ธปท.ได้ทำการทดสอบภาวะวิกฤติ (Stress test) เพื่อประเมินฐานะและความมั่นคงของธนาคารพาณิชย์ พบว่า ธนาคารพาณิชย์ไทยมีเงินกองทุนเพียงพอที่จะรองรับภาวะวิกฤติได้ แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ขยายตัว 2 ปีติดต่อกัน โดยธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงถึง 14.8% และ หากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบในเชิงลบจนประเทศถูกลดอันดับลง เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงก็ยังสูงถึง 13.9% เมื่อเทียบกับปี 56 ที่อยู่ที่ 15.6%
ขณะที่ในปี 57 นั้น ธนาคารพาณิชย์ยังคงได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทั้งจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไม่เต็มที่ ปัญหาการเมืองครึ่งปีแรก และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจในปี 57 จะขยายตัวได้ 0.8% ส่งผลให้ภาพรวมการให้สินเชื่อชะลอลงโดยสิ้นเดือนพ.ย.57 ขยายตัว 5%