"เรื่องนี้เกิดขึ้นในกระทรวงพาณิชย์เป็นครั้งแรก ต้องรอหนังสือชี้มูลจากป.ป.ช.ก่อน ถ้าชี้ว่าผิดวินัยร้ายแรงก็ต้องให้ออกจากราชการก่อน ซึ่งทั้ง 2 คน สามารถอุทธรณ์ต่อศาลปกครองได้ แต่ถ้าป.ป.ช.ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดส่งฟ้อง และศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด ก็ทำเรื่องขอกลับเข้ารับราชการได้อีก แต่ระหว่างนี้ไม่จำเป็นต้องพักงานหรือโยกย้ายออกจากตำแหน่ง เพราะก่อนหน้านี้ ได้โยกย้ายออกจากตำแหน่งที่รับผิดชอบเกี่ยวกับข้าวในสต๊อกรัฐบาลไปแล้ว ส่วนข้าราชการเกษียณอายุ ไม่สามารถเอาผิดทางวินัยได้ ต้องให้เป็นไปตามกฎหมายที่ป.ป.ช.ฟ้องแพ่งและอาญาต่อไป" ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุ
ส่วนกรณีที่ป.ป.ช.ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังร่วมกันพิจารณาความเสียหายจากการขายข้าวจีทูจีครั้งนี้ และให้ผู้ที่ถูกชี้มูลชดใช้ค่าเสียหายนั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าค่าเสียหายทั้งหมดเป็นเท่าไร แต่ที่ป.ป.ช.แถลงว่าเสียหายทั้งหมด 600,000 ล้านบาทนั้น เป็นความเสียหายของโครงการรับจำนำ ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับข้าราชการทั้ง 2 คนเท่าไรนั้นคงต้องพิจารณาอีกครั้ง
ด้านนางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการวินิจฉัยความผิดของข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง เพราะต้องรอหนังสือชี้มูลจาก ป.ป.ช ก่อน เนื่องจากมีโทษหลายระดับ ซึ่งมีตั้งแต่ไล่ออกจากราชการ, ให้ออก ส่วนการเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่ถูกชี้มูลความผิดนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ อย่างไรก็ดี ภายหลังจากที่ตนเข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ทราบว่าข้าวจีทูจีราว 7 ล้านตันที่มีปัญหานั้นได้ส่งมอบไปหมดแล้ว
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า วันที่ 29 ม.ค.นี้ กระทรวงฯ จะเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อสารในสต๊อกรัฐบาลเกือบ 1 ล้านตัน ซึ่งยืนยันว่ากระทรวงฯ ดำเนินการอย่างโปร่งใสและรัดกุมที่สุด เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาทุจริตเช่นเดียวกับการขายข้าวจีทูจีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว