"กระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันมาหลายเดือนแล้ว พบว่าสต๊อกลดลงมากจากระดับปลอดภัยที่ 200,000 ตัน จึงได้ประชุมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหา จนที่มาของการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 50,000 ซึ่งเป็นการนำเข้าเท่าที่จำเป็น ในระยะสั้นที่สุด เพราะจะใช้เพื่อการบริโภคตั้งแต่เดือนก.พ.-มี.ค. จากนั้นก็เลิกนำเข้า เพราะผลปาล์มสดในประเทศจะออกแล้ว สถานการณ์จะคลี่คลาย" รมว.พาริชย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่น้ำมันปาล์มนำเข้าจะมาถึงไทยในอีกราว 20 วันข้างหน้า ยืนยันว่า ขณะนี้สต็อกลดไม่พบปัญหาขาดแคลนน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคแน่นอน เพราะกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และห้ามผู้ค้าปลีก ค้าส่งกักตุนสินค้า รวมถึงประชาชนอย่าตื่นซื้อสินค้ากักตุน ขณะเดียวกันขอร้องสื่อมวลชนอย่าเขียนข่าวให้ประชาชนตื่นตระหนกจนกักตุนสินค้า
ด้านน.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หากไม่มีการแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำมันปาล์มตึงตัว โดยให้โรงงานไบโอดีเซลลดการใช้น้ำมันปาล์มดิบ หรือไม่มีการนำเข้า 50,000 ตัน ในสัปดาห์หน้าจะไม่มีน้ำมันเพื่อการบริโภคในระบบ แต่การนำเข้าจะทำให้มีน้ำมันปาล์มถึงผู้บริโภคภายในเดือนก.พ. ดังนั้น ผู้บริโภคไม่ต้องกักตุนสินค้า
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับห้างสรรพสินค้าและห้างค้าปลีกแล้วให้เลิกทำโปรโมชั่นซื้อ 1 ขวดแถม 1 ขวด และไม่ให้มีการซื้อหลังร้านเหมือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากมีการนำเข้าแล้ว ราคาผลปาล์มสดในประเทศต่ำกว่ากก.ละ 5 บาทตามที่กระทรวงพาณิชย์ตกลงไว้กับเกษตรกรจะหยุดนำเข้าทันที และจะไม่นำมาผลิตเพื่อการบริโภค แต่จะนำเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมและผลิตไบโอดีเซล