ทั้งนี้ ยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ของสายธุรกิจรายย่อยในปีนี้แบ่งเป็น สินเชื่อบ้าน 1.4 หมื่นล้านบาท สินเชื่อบุคคลไม่มีหลักประกัน 8,000-10,000 ล้านบาท นอกจากนี้ธนาคารยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าบัตรเครดิตโดยตั้งเป้าสิ้นปี 58 จะมีจำนวนลูกค้าบัตรเครดิตเพิ่มเป็น 30,000-40,000 ใบ จากสิ้นปี 57 มีจำนวนลูกค้าบัตรเครดิตอยู่ที่ 5,000 ใบ
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสายธุรกิจรายย่อยปีนี้ คาดว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับ 2.2% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.4% โดยธนาคารเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นหลังมีการปรับปรุงระบบการติดตามหนี้และการเร่งรัดชำระหนี้ โดยการส่งข้อความผ่านทางโทรศัพท์มือถือเพื่อเตือนลูกค้าให้มีการชำระเงินให้ตรงต่อเวลา และการปรับปรุงนโยบายการบริหารหนี้ของธนคารทำให้ NPL ต่ำลงจากปีก่อน
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันได้ธนาคารมองเห็นถึงการเติบโตของยอดเงินฝากที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากประชาชนมีความไม่มีความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันจึงหันมาออมเงินมากขึ้นเพื่อสำรองไว้ใช้ในอนาคต ทำให้ในปีนี้คาดว่ายอดระดมเงินฝากจะเติบโต 15-20% จากปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท เติบโตมากกว่าปีก่อนที่ยอดเงินฝากเติบโต 14% โดยในสิ้นปี 57 ธนาคารมียอดเงินฝากรวมของทั้งธนาคารกว่า 2 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดเงินฝากของสายธุรกิจรายย่อยกว่า 1.1 แสนล้านบาท
"ปีนี้เงินฝากจะโตเยอะกว่าสินเชื่อ เพราะสัญญาณในตอนนี้คนไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ ทำให้คนหันมาออมเงินมากขึ้น การจับจ่ายก็ลดลง ส่งผลให้ในปีนี้สินเชื่อเติบโตไม่มากเท่าปีก่อน แต่เราจะเน้นการแข่งขันเพื่อขยายฐานลูกค้าและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธนาคารและสายงานรายย่อย"นายอดิศร กล่าว
ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์นี้ คาดว่า กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังสามารถขยายตัวได้ค่อนข้างดีที่ระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นมากนัก ทำให้มุมมองในรอบหน้าคาดว่าทางกนง.อาจจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้