พร้อมระบุว่า รัฐบาลจะเน้นการบริหารจัดการงบลงทุนให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด เนื่องจากงบประมาณประเทศในปี 59 ที่ตั้งไว้ 2.75 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นงบประจำ 2 ล้านล้านบาท แต่อีก 7.5 แสนล้านบาทนั้น ส่วนหนึ่งเป็นนำเงินไปชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย จึงอาจมีเงินไม่เพียงพอในการพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ ต้องคำนึงถึงค่าโกดังที่เก็บรักษาข้าวที่รัฐต้องจ่ายเดือนละ 2,600 ล้านบาท บวกกับเงินชดเชยที่รัฐต้องรับภาระจากโครงการรถเมล์ รถไฟฟรีอีก 2,000 ล้านบาทต่อเดือน รวมแล้ว 4,600 ล้านบาท ที่รัฐต้องแบกรับภาระ และแม้ว่าราคาน้ำมันจะถูกลง แต่จะให้ลดราคาสินค้าทุกตัวนั้นคงเป็นเรื่องยาก เพราะรัฐบาลไม่มีรายได้เข้าประเทศที่เพียงพอมาแบกรับภาระตรงนี้ได้
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงต่อผู้มีรายได้น้อย เช่น เกษตรกร พ่อค้า แม่ค้า และผู้ประกอบการรายย่อย จึงได้ขอให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องแจ้งต่อประชาชนให้ทราบว่ารัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนผู้มีรายได้น้อย ดังนั้นจึงขอให้ไปช่วยพิจารณาหามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เคยได้ช่วยเหลือไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจ้างงาน การให้เงินทุนสำหรับการประกอบอาชีพเสริมในพื้นที่ที่ไม่จ่ายน้ำสำหรับการปลูกข้าวนาปรังในลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ลุ่มน้ำแม่กลอง
"มาตรการที่มีอยู่ทั้งหมดนี้ ยังมีมาตรการอะไรอีกบ้างที่แต่ละกระทรวงสามารถขับเคลื่อนออกมาได้ เช่น ลดภาษีปัจจัยการผลิตด้านการเกษตร การสนับสนุนเครื่องมือ-อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการทำการเกษตร ซึ่งพี่น้องเกษตรกรควรรวมกลุ่มกันเพื่อให้มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลสามารถตอบโจทย์ได้ เพราะการช่วยเกษตรกรเป็นรายๆ คงจะลำบาก"รองโฆษกรัฐบาลกล่าว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหลักในการลงไปตรวจสอบราคาสินค้า เพราะแม้สินค้าอุปโภคบริโภคหลายอย่างจะได้รับรายงานว่ามีราคาลดลงบ้างแล้วก็ตาม แต่ขอให้ลงไปตรวจสอบในตลาดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริงด้วย
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรียังแสดงความเป็นห่วงเรื่องการบริหารงบประมาณ เพื่อให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ ทั้งงบลงทุน งบกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยขอให้ทุกกระทรวงเร่งดำเนินการผูกพันงบประมาณ เร่งใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของเม็ดเงินที่ได้ดำเนินการ พร้อมกับมอบหมายผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ในส่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้ใช้กำลังทหารจากทุกเหล่าทัพลงไปช่วยตรวจสอบและขับเคลื่อนในส่วนนี้ด้วยว่าติดปัญหาหรือมีการทุจริตประพฤติมิชอบในส่วนใดบ้างจะได้แก้ไขให้ตรงจุดและหากต้องมีการปรับย้ายก็ยินดีจะดำเนินการ