โดยที่ประชุมฯ มีการรายงานความคืบหน้าการทำงานและประสานความร่วมมือจากกระทรวงอื่นๆ ใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการดูแลเกษตรกร, การจัดการทรัพยากรการเกษตร และการบริหารสินค้าการเกษตร เนื่องจากภาคการเกษตรกรรมยังคงเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นทั้งแหล่งผลิตอาหาร และเป็นวัตถุดิบต่อภาคอุตสาหกรรมและบริการ สร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่จะต้องเร่งรัดการแก้ปัญหาเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้ง, การวางโครงสร้างการตลาด ทั้งเรื่องราคาสินค้าเกษตร สภาอากาศ รวมถึงการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่รุนแรง ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะมอบนโยบายและสั่งการต่อส่วนราชการต่างๆ เพื่อให้การดำเนินการในภาพรวมบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ขบวนรถของนายกรัฐมนตรีจะเลี้ยวเข้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหญิงสูงวัยชื่อ นางภินันท์ ภูมวรรณริน ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ พยายามจะกระโดดเข้าขวางรถนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ช่วยเรื่องหนี้สินทึ่ถูกธนาคารขายทอดตลาด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันไว้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มองผ่านกระจกโดยไม่ได้หยุดรถ ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชนประจำทำเนียบรัฐบาลได้มารับหนังสือ แต่หญิงสูงวัยได้เอะอะโวยวายและเกิดความเครียดที่ไม่สามารถยื่นหนังสือให้ถึงมือนายกรัฐมนตรีได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่สบายใจต่อการแก้ปัญหาเกษตรกร ทั้งที่ได้มอบนโยบายไปแล้วก่อนหน้านี้