โฆษกฯ กล่าวว่า โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย เมียนมาร์ มีความสำคัญกับเมียนมาร์และประเทศในภูมิภาคนี้ เนื่องจากจะเป็นประตูทางทิศตะวันตกจากเมียนมาร์-ไทยไปสู่โฮจิมินห์และพนมเปญได้ในอนาคต ซึ่งไทยได้ยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อผลักดันโครงการให้คืบหน้าโดยเร็ว โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนเชื่อมโยงระหว่างบ้านน้ำพุร้อน-ทวาย โดยนายกรัฐมนตรีจะหยิบยกเรื่องนี้หารือกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นระหว่างการเยือนอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือน ก.พ. นี้ ด้วย
ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องในการพัฒนาความเชื่อมโยงและพื้นที่ชายแดน ไทยให้ความสำคัญและสนับสนุนความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความมั่นคงและการพัฒนาของไทยและเมียนมาร์ โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่ามี 3 เส้นทางยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ 1) แม่สอด – เมียวดี 2) สิงขร – มอต่อง 3) พระเจดีย์สามองค์ – พญาตองซู โดยนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่าการเปิดเส้นทางเหล่านี้ไม่ใช่การกำหนดเส้นเขตแดน ไม่อยากให้เป็นอุปสรรคต่อการค้าขาย ซึ่งทางเมียนมาร์เห็นด้วยและรับที่จะไปพิจารณาบางจุดตามที่ไทยเสนอเพิ่มเติม
ในโอกาสนี้ เมียนมาร์ได้แสดงความขอบคุณที่ไทยช่วยซ่อมสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 และจะสนับสนุนความช่วยเหลือทางการเงินในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแห่งที่ 2 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ด้านการประมง นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้ไทยและเมียนมาร์มีความร่วมมือกันในเรื่องนี้มากขึ้น โดยอาจร่วมทุนกันจัดตั้งกองเรือประมงเพื่อร่วมหาปลาในเขตสัมปทาน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเรื่องแหล่งประมง ซึ่งฝ่ายเมียนมาเห็นด้วยว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองประเทศ โดยอาจต้องมีการกำหนดเรื่องการจับปลา รวมทั้งการกำหนดราคาร่วมกัน
ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่สองประเทศเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น อย่างไรก็ดี ไทยเห็นว่ายังสามารถขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันได้อีก โดยในปีนี้ไทยเน้นการท่องเที่ยววิถีไทย ซึ่งจะส่งรายละเอียดให้กับเมียนมาร์ เพื่อให้สามารถมาเชื่อมโยงกับไทยร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับราคาผลผลิตทางการเกษตรและยางพารา ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงกังวลและอยากให้มีความร่วมมือระหว่างกันเพื่อช่วยกันวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำในอนาคต
สำหรับความร่วมมือด้านแรงงาน ไทยขอให้เมียนมาร์ช่วยเร่งรัดกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงาน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีแรงงานเมียนมาร์มาลงทะเบียนไว้เป็นจำนวนมาก ในขณะที่การพิสูจน์สัญชาติยังไม่คืบหน้ามากนัก ซึ่งฝ่ายเมียนมาร์จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการออกใบรับรองชั่วคราวให้ก่อน