ม.รังสิตชี้ตลาดเงินจะผันผวนขึ้นหลังประเทศใหญ่ทำ QE แต่ไม่ถึงขั้นสงครามค่าเงิน

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday February 1, 2015 14:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ประเมินว่า ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ตลาดการเงินมีความผันผวนเพิ่มสูงขึ้นอีกจากการดำเนินนโยบาย QE ของธนาคารกลางยุโรป (เริ่มต้นเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้เพิ่มอีก 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงกันยายน ปี 2559 รวมเม็ดเงิน 1.1 ล้านล้านยูโร) เม็ดเงินที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบการเงินโลกสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และธนาคารกลางญี่ปุ่นก็ผ่อนคลายนโยบายการเงินและทำ QE เพิ่มเติมเช่นกัน

การดำเนินมาตรการรับมือกับการเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้นเก็งกำไรไหลเข้าประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง และมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า ทำให้เกิดภาวการณ์แข่งขันการลดค่าเงินเพื่อประคับประคองภาคการผลิตเพื่อการส่งออกของประเทศตัวเอง ไม่ถึงขั้นเกิดสงครามค่าเงิน (Currency War) อย่างที่มีการวิตกกังวลกัน ค่าเงินรูเบิลและเศรษฐกิจรัสเซียจะทรุดตัวมากกว่าเดิมในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่การต่อรองเงื่อนไขการกู้เงินของรัฐบาลใหม่กรีซ จะทำให้เจ้าหนี้อาจไม่ปล่อยสภาพคล่องให้รัฐบาลกรีซและมีผลกระทบลูกโซ่ต่อฐานะของธนาคารในเยอรมันและฝรั่งเศส รัฐบาลใหม่กรีซจากพรรคไซริซามีท่าทีชัดเจนในการต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้แต่ยังคงใช้เงินยูโรและเป็นสมาชิกของอียูต่อไป ผลกระทบต่อความปั่นป่วนของตลาดการเงินโลกจึงมีจำกัด

"ทางการไทยควรมีมาตรการและนโยบายที่เหมาะสมในการดูแลความผันผวนในตลาดการเงินที่มีผลกระทบต่อภาคการผลิตและภาคส่งออก และต้องดำเนินการให้เท่าทันต่อสถานการณ์ที่มีพลวัตสูง" นายอนุสรณ์ ระบุ

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า จะเห็นสัญญาณเงินบาทแข็งค่าอย่างมากเมื่อเทียบกับเยนและยูโรตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป และเงินบาทจะอ่อนค่าลงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าดุลการค้าในไตรมาสแรกปีนี้ (2558) จะเกินดุลการค้าไม่ต่ำกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ และเกินดุลบัญชีเดินสะพัดไม่น่าจะน้อยกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ นับเป็นการเกินดุลทั้งสองบัญชีสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นผลจากการลดลงของราคาน้ำมันเป็นหลัก ไม่ได้เกิดจากการชะลอของเศรษฐกิจแล้วจึงมีการชะลอการนำเข้าและการส่งออกขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นแต่อย่างใด ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป ม.รังสิต ได้ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกของไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 1.5-2.5%

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกายังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก โดยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันโดยเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 0.5% และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2550 ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.2543 สะท้อนการฟื้นตัวของการจ้างงานที่แข็งแกร่ง การขาดดุลงบประมาณต่อจีดีพีต่ำสุดนับจากปี 2550 แต่การขยายตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯยังไม่สูงนัก ทำให้ธนาคารกลางคงยอดดอกเบี้ยใกล้ 0% ไปจนถึงกลางปี 2558 โดยมีความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากวันที่ 17 มิถุนายน

นายอนุสรณ์ วิเคราะห์ว่าผลการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลีย อังกฤษและอินเดียจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป และภาวะดังกล่าวจะยังคงสร้างแรงกดดันทำให้กระแสเงินไหลเข้าระยะสั้นเก็งกำไรในตลาดการเงินของไทยเพิ่มขึ้นต่อไปและบาทจะยังทะยอยแข็งค่าต่อเนื่อง แม้ระดับความเสี่ยงทางการเมืองเพิ่มขึ้นจากความสัมพันธ์ที่ไม่ปรกติระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา แต่คาดว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามบานปลาย จึงไม่มีผลกดดันให้เงินไหลออกและเงินบาทอ่อนค่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ