พาณิชย์ชี้ราคาน้ำมันลดดัน GDP เพิ่ม มองบาทอ่อนช่วงปลายปีหนุนส่งออก

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 3, 2015 14:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ได้วิเคราะห์ผลจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่องว่า การลดลงของราคาน้ำมันส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปี 2558 จะอยู่ที่ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภคที่แท้จริงภายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 การส่งออกที่แท้จริงเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง(Real GDP)เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.96 โดยธุรกิจที่จะมีผลผลิตและยอดขายเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ ธุรกิจบริการขนส่ง และสินค้าเกษตร คือ อ้อย ข้าว มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ตามลำดับ

สำหรับผลกระทบของการลดลงของราคาน้ำมัน ภายใต้ข้อสมมติฐานราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ อยู่ที่ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เศรษฐกิจไทยจะได้รับทั้งผลบวกและผลลบ ดังนี้

ด้านผลบวก ทำให้ 1.ราคาสินค้าในประเทศลดลง อันเนื่องมาจากสินค้าที่มีสัดส่วนต้นทุนของน้ำมันโดยตรงลดลง 2. ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (Real GDP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.96 3. การบริโภคครัวเรือนที่แท้จริงเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2

4. การส่งออกที่แท้จริงเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 (ภายใต้ข้อสมมุติฐานที่เศรษฐกิจต่างประเทศไม่เปลี่ยนแปลง) 5. ภาคการผลิตที่ได้รับประโยชน์สูงสุดคือภาคบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจบริการขนส่ง ซึ่งมีต้นทุนน้ำมันในสัดส่วนที่สูง ได้แก่ การขนส่งทางบก การขนส่งทางเรือ และการขนส่งทางอากาศ ตามลำดับ โดยการขนส่งทางบกมีต้นทุนน้ำมันประมาณ 40-50% ของต้นทุนรวม การขนส่งทางอากาศ มีต้นทุนน้ำมันเป็นสัดส่วนประมาณ 30-40% ของต้นทุนรวม และการขนส่งทางเรือมีต้นทุนน้ำมันประมาณ 20-25% ของต้นทุนรวม

6. ภาคการผลิตที่ได้รับประโยชน์รองลงมา คือ ภาคการเกษตร ซึ่งจะมีต้นทุนการผลิตสินค้าทางการเกษตรลดลง ส่งผลให้มีผลผลิตการเกษตรและส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ อ้อย ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ตามลำดับ โดยสินค้าเหล่านี้มีต้นทุนน้ำมันประมาณ 8-10% ของต้นทุนรวม

7. ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลบวกจากการลดลงของราคาน้ำมันค่อนข้างน้อย เนื่องจากพลังงานที่ภาคอุตสาหกรรมใช้ส่วนใหญ่จะเป็นพลังงานจากไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติประมาณ 70% ของการใช้พลังงานรวม โดยอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จากการลดลงของราคาน้ำมัน ได้แก่ อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะที่มิใช่เหล็ก ซึ่งมีต้นทุนน้ำมันประมาณ 1.5-2.0% ของต้นทุนรวม

สำหรับผลลบต่อไทยนั้น การส่งออกไปยังตลาดผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ เช่น ตะวันออกกลางและรัสเซียอาจจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะรถยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ แต่ผลกระทบอาจไม่มาก เนื่องจากตลาดเหล่านี้มีสัดส่วนในการส่งออกรวมของไทยเพียงร้อยละ 6


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ