"การส่งออกไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงมากมาย โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้ายังชะลอตัว และยังมีปัญหาจากภายในอีก เช่น ไทยผลิตสินค้าไม่ตรงตามความต้องการตลาด ผลิตสินค้าล้าสมัย ศักยภาพการแข่งขันด้านการส่งออกลดลง จึงต้องทำเรื่องส่งออกให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะกระทรวงพาณิชย์แก้ปัญหาคนเดียวไม่ได้แล้ว ต้องให้หลายหน่วยงานช่วยกัน ซึ่งคณะกรรมการจะช่วยกันกำหนดรูปแบบการส่งออก ยุทธศาสตร์การเข้าสู่ตลาด การแสวงหาวัตถุดิบ การพัฒนาและเพิ่มมูลค่าสินค้า รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้การส่งออกไทยขยายตัวได้อย่างยั่งยืน" รมช.พาณิชย์ กล่าว
พร้อมระบุว่า จนถึงขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ยังยืนยันเป้าหมายการส่งออกปีนี้ไว้ตามเดิมที่ 4% เพราะถือว่าเป็นเป้าหมายในการทำงาน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ถือเป็นเป้าหมายที่ต้องพุ่งชนให้ได้ แม้หลายหน่วยงาน รวมถึงภาคเอกชนได้ปรับลดการคาดการณ์ลงเหลือขยายตัวต่ำกว่า 4%
อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์จะผลักดันการค้าชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านควบคู่ไปกับการผลักดันการส่งออกในภาพรวม โดยปีนี้ ได้ตั้งเป้าหมายการค้าชายแดนขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% หรือมีมูลค่าการค้าไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งในปี 57 ที่ผ่านมามีมูลค่า 1.15 ล้านล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ จะเชิญผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า และห้างค้าปลีกสมัยใหม่ มาเพื่อแสดงความขอบคุณที่ให้ความร่วมมือจัดกิจกรรมของขวัญปีใหม่ด้วยการขายสินค้าราคาถูกในช่วงปลายปี 57 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ จะสอบถามถึงการลดต้นทุนด้านต่างๆ ให้กับผู้ขายอาหารปรุงสำเร็จภายในศูนย์อาหารของห้างฯ ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ทั้งค่าเช่า ค่าส่วนแบ่งการขาย ค่ากระแสไฟฟ้า เป็นต้น เพราะขณะนี้ต้นทุนค่ากระแสไฟฟ้าลดลงมาก จากการปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) เพื่อให้ผู้ค้าอาหารปรุงสำเร็จสามารถขายอาหารได้ในราคาไม่แพงเกินไป และยังช่วยบรรเทาค่าครองชีพให้กับประชาชนด้วย