กระทรวงฯ จะร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) กระทรวงมหาดไทย ในการกำหนดสถานที่ว่าจะส่งรถโมบาย ยูนิต ไปในพื้นที่ใด เขตใด ซึ่งจะทำทุกเขตในกรุงเทพฯ โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาร่วมด้วย และจะมีการหารือรายละเอียดร่วมกันในวันศุกร์ที่ 13 ก.พ.นี้ สินค้าที่จะนำไปขาย จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ในชีวิตประจำวัน สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้า และกำกับดูแลราคาสินค้าให้เหมาะสม โดยให้เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 14 ก.พ.58 เป็นต้นไป และยังได้ขอให้เตรียมแผนดูแลเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง กรณีที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้ โดยให้หาทางช่วยเพิ่มรายได้ เช่น สนับสนุนให้ผลิตสินค้าโอทอป หรือสินค้าชุมชนออกจำหน่าย
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า กระทรวงฯ ยังได้ดำเนินโครงการ“พี่จูงน้อง"โดยให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ประสบความสำเร็จช่วยเอสเอ็มอีทำตลาดในต่างประเทศ โดยล่าสุดมีเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี.) เครือสหพัฒน์ เครือเซ็นทรัล และบริษัท ไทยเบฟ ที่พร้อมจะเข้ามาให้ความช่วยเหลือในการพาเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี)ออกไปทำตลาดต่างประเทศ
ด้านนางดวงกมล เจียมบุตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะโฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดโครงการพี่จูงน้อง ซีพี จะช่วยพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าสู่ตลาดจีน ในสินค้ากลุ่มอาหาร, สหพัฒน์ จะเน้นตลาดอินโดนีเซียในสินค้ากลุ่มแฟชั่น, เซ็นทรัล เน้นตลาดอาเซียน อินโดนีเซีย เวียดนาม รวมถึงอิตาลี และเดนมาร์ก เน้นอาหาร ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น ของตกแต่งบ้าน ที่เซ็นทรัลได้เข้าไปซื้อหุ้นของห้างในตลาดนี้ ส่วนไทยเบพ จะช่วยบุกตลาดจีน ในกลุ่มสินค้าของโรงแรม เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมี.ค.58 เป้าหมายผลักดันเอสเอ็มอี 500 รายให้ได้รับความช่วยเหลือ