ทั้งนี้คาดว่าการส่งออกในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปีนี้ จะไม่เติบโต แต่คาดหวังจะไม่ติดลบ แต่ในช่วงครึ่งหลังก็คาดว่ากลับมาโต 3%
อนึ่ง กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าการส่งออกปีนี้เติบโต 4% ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) คาดดารส่งออกของไทยโต 1% จากที่การส่งออกของไทยติดลบมาแล้ว 2 ปี
นายนพพร กล่าวว่า ตลาดยุโรปในปีนี้ไม่ได้ดีอย่างที่คาด ขณะที่ไทยยังถูกตัดจีเอสพี และค่าเงินยูโรอ่อนตัว รวมทั้งตลาดญี่ปุ่นก็ยังไม่ดี และภาวะเศรษฐกิจของจีนก็ชะลอลง ปีนี้จึงเหลือเพียงตลาดสหรัฐและตลาดอาเซียน หรือการค้าตามชายแดนที่ไทยพอจะพึ่งพิงได้ นอกจากนั้น ปัญหาสำคัญอีกอย่างคือความสามารถการแข่งขันของไทย เพราะที่ผ่านมาเห็นว่าขีดความสามารถลดลง จึงแนะนำให้ผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่ยังได้รับสิทธิจีเอสพี
"ตอนนี้มองว่าเป็นช่วงวิกฤติ ถ้าไทยไม่ทำอะไรเลย อีกหน่อยเวียดนาม อินโดนีเซีย พม่าก็จะแข่งขันกับเราได้ เศรษฐกิจไทยยังไม่มียุทธศาตร์ชัดเจน"นายนพพร กล่าว
นายนพพร กล่าวว่า ในช่วงปี 56-57 ค่าเงินบาทแกว่งตัวขึ้นลงอยู่ระหว่าง 32-33บาท/ดอลลาร์ แต่ปีนี้ผันผวนไม่มีทิศทางชัดเจน จากที่เคยมีทิศทางอ่อนค่าลงก็กลับมาแข็งค่าจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน(QE) ทั้งในยโรปและญี่ปุ่นทำให้มีเงินทะลักเข้ามาในไทยและภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับค่าเงินของมาเลเซียที่อ่อนลงมากกว่าเงินบาททำให้ไทยเสียเปรียบ