นอกจากนี้ ที่ประชุม กพช.ยังมีวาระอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ แผนกำหนดสัดส่วนนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอนาคต การรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนและจากภาคอุตสาหกรรม การเตรียมจัดทำโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือเชิญกลุ่มทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 เพื่อมาระดมความเห็นในเวทีกลาง ในวันที่ 20 ก.พ.นี้
รูปแบบการรับฟังความเห็นนั้น รัฐบาลจะส่งคำถามให้ทั้ง 2 ฝ่ายล่วงหน้า เพื่อทำการบ้านมาตอบข้อสงสัยที่เกิดขึ้นในสังคมว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่จะต้องเปิดสัมปทาน รวมถึงจะใช้รูปแบบใดระหว่างสัมปทาน หรือการแบ่งปันผลประโยชน์ ซึ่งจะต้องใช้เวลาดำเนินการในการแก้ไขกฎหมายในการลงทุน รวมทั้งความเห็นจากฝ่ายที่คัดค้าน ซึ่งจะให้ตอบคนละ 15-20 นาที และจะต้องพูดในประเด็นเท่านั้น เพื่อไม่ให้การเวทีเป็นการโต้เถียงกันไป-มาเหมือนกับที่ผ่านมา
สำหรับบุคคลที่รัฐบาลเตรียมเชิญมาแสดงความเห็น และร่วมสังเกตการณ์ จะมีจากหลายภาคส่วนทั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กลุ่มเอ็นจีโอ นักวิชาการ รวมถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และบุคคลที่ร่วมลงชื่อ ส่วนบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญสามารถส่งความเห็นมายังรัฐบาลได้จนถึงวันที่ 19 ก.พ. เพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งรัฐบาลจะนำข้อสรุปในการเปิดรับฟังความคิดเห็นมาประกอบการตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เช้าวันนี้เครือข่ายภาคประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย และเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ นำโดย นายปานเทพ พงษ์พัวพันธ์ ,พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี เดินทางมายังศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์พร้อมประชาชนเพื่อมอบช่อดอกไม้ รวมทั้งยื่นจดหมายเปิดผนึกและอ่านแถลงการณ์ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ถึงขอเสนอให้แก้ไขปัญหาด้านพลังงาน โดยเฉพาะการขอให้ชะลอการเปิดสำรวจสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ออกไปก่อน 1 ปี และตั้งคณะทำงานร่วมในการศึกษาแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้ง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และ พ.ร.บ.ภาษี เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม
เนื่องจากพบข้อมูลว่าการเปิดสำรวจสัมปทานครั้งจะมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น ประเทศจะเสียเปรียบบริษัทเอกชนที่ขอสำรวจสัมปทาน มีผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น การจัดตั้งนอมินีและจดทะเบียนบนเกาะที่มีการฟอกเงิน แทนที่จะปฏิรูปพลังงานให้เป็นสวัสดิการกับประชาชน พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรี รับฟังข้อมูลจากเครือข่ายนอกเหนือจากข้อมูลของฝ่ายราชการเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันขอให้รัฐบาลชี้แจง กรณีที่อ้างว่าแหล่งพลังงานจะหมดภายใน 7 ปี หากข้อมูลเป็นเท็จก็ขอให้กระทรวงพลังงานรับผิดชอบ โดยทางกลุ่มเครือข่ายฯ จะรอฟังมติผลการประชุม กพช.ในวันนี้
นายปานเทพ กล่าวว่า จะเข้าร่วมเวทีกลางของรัฐบาล พร้อมด้วย ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยนโยบายพลังงานและทรัพยากร มหาวิทยาลัยรังสิต ในวันที่ 20 ก.พ.นี้ โดยจะนำข้อมูลและหลักฐานไปชี้แจงด้วยเหตุผลกับตัวแทนของรัฐ ซึ่งหากข้อมูลของเครือข่ายประชาชนผิดพลาดก็พร้อมยุติการเคลื่อนไหว