การเดินทางไปครั้งนี้จะมีการจัดสัมมนาใหญ่เรื่อง “ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน" ที่โตเกียว นาโกย่า และโอซาก้า ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนญี่ปุ่นตอบรับเข้าร่วมงานสัมมนาทั้ง 3 ครั้ง รวมจำนวนกว่า 1,500 คน โดยรองนายกรัฐมนตรีจะไปกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “เศรษฐกิจไทย:หนทางสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน" เพื่อนำเสนอยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยของรัฐบาล ผ่านนโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้า ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีให้จูงใจนักลงทุนกลุ่มกิจการสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ หรือ International Headquarters (IHQ) และกิจการบริษัทการค้าระหว่างประเทศ หรือ International Trading Centers (ITC) เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนญี่ปุ่น
ส่วน รมว.อุตสาหกรรม จะนำเสนอเรื่อง “โอกาสและความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมไทย" และบีโอไอจะนำเสนอรายละเอียดของนโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่ พร้อมตอบข้อซักถามเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่ และเรื่องการลงทุนเพิ่มในด้านวิจัยพัฒนา การออกแบบผลิตภัณฑ์ การฝึกอบรมบุคลากรขั้นสูง เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม
นอกจากนี้ คณะของไทยจะได้พบปะหารือกับองค์กรภาคเอกชนชั้นนำของญี่ปุ่น เพื่อขยายความร่วมมือภาคเอกชนชั้นนำของญี่ปุ่นด้วย ได้แก่ สมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น(KEIDANREN) สมาพันธ์เศรษฐกิจคันไซ (KANKEIREN) หอการค้าและอุตสาหกรรมเมืองนาโกย่า(NAGOYA CHAMBER OF COMMERCE AND INDUSTRY) เพื่อสร้างความเข้าใจต่อนโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่ ที่มีเป้าหมายในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทย และเชิญชวนให้บริษัทญี่ปุ่นที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมเป้าหมายเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น เช่น ไบโอพลาสติก อุปกรณ์ทางการแพทย์ และชิ้นส่วนอากาศยาน เป็นต้น
สำหรับในปี 2557 การลงทุนของญี่ปุ่นในไทยมีคำขอรับส่งเสริมจำนวน 672 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 293,334 ล้านบาท จำนวนโครงการเพิ่มขึ้นจากปี 2556 ร้อยละ19.6 ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในด้านยานยนต์ ชิ้นส่วนโลหะ และเครื่องจักร