จากข้อมูล ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2558 พบว่า ค่าความเค็มในเขตพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรามีค่าความเค็มสูงสุดอยู่ที่ ประตูระบายน้ำปากตะคลอง ความเค็มประมาณ 30.59 กรัม/ลิตร และค่าความเค็มต่ำสุดอยู่ที่สะพานบางขนาก ความเค็มประมาณ 1.27 กรัม/ลิตร ซึ่งถือค่าความเค็มอยู่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่จะต้องมีความเค็มไม่เกินประมาณ 2.00 กรัม/ลิตร ที่เป็นมาตรฐานค่าความเค็มสำหรับการเกษตร เพราะหากถ้าความเค็มเกินกว่านี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตของพืช
"จากการรุกตัวของน้ำเค็มดังกล่าว พบว่าใกล้เคียงกับสถานการณ์ของปี 2544 และปี 2555 ที่เคยมีค่าความเค็มสูง ทำให้สำนักงานชลประทานในเขตต้นน้ำต้องเพิ่มการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำแหล่งต่างๆ มาช่วยผลักดันน้ำเค็ม ซึ่งทำให้สามารถชะลอการรุกตัวของน้ำเค็มได้ระดับหนึ่ง และทำให้เขตพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรียังมีค่าความเค็มไม่สูงนัก"นายบุญลาภ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการสั่งการให้ปิดประตูระบายน้ำในคลองต่างๆ เพื่อป้องกันการรุกคืบของน้ำเค็มเข้าไปในพื้นที่การเกษตรแล้ว
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรของทั้ง 2 จังหวัด ได้มีการประชุมและเฝ้าระวังพร้อมทั้งดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรในพื้นที่รับทราบสถานการณ์ และเตรียมตัวรองรับผลกระทบที่จะตามมา ทั้งเกษตรกรผู้ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยมีการวางแผนป้องกัน ปรับเปลี่ยน และเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตที่จะได้รับผลกระทบจากการรุกตัวของน้ำเค็มดังกล่าว เพื่อเตรียมการและวางแผนการผลิตให้รองรับกับสถานการณ์การรุกคืบของน้ำเค็มในปัจจุบันเพิ่มเติม