สำหรับกลยุทธ์การปรับตัวรับมือกับการลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกนั้น บริษัทที่มีรายได้จากน้ำมันให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและแรงงาน มากกว่าการลดการจ้างงานหรือปรับลดส่วนต่างราคา
บริษัทที่มีต้นทุนจากการใช้น้ำมันเป็นปัจจัยการผลิต ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและแรงงาน และการปรับราคาสินค้า (ปรับลดราคาสินค้าตามต้นทุนที่ลดลง) มากกว่าการขยายการลงทุนและการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์
ข้อเสนอแนะทางนโยบาย กลุ่มธุรกิจที่มีรายได้จากน้ำมันและกลุ่มธุรกิจที่มีต้นทุนจากการใช้น้ำมันเป็นปัจจัยการผลิตโดยตรง: ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนด้านนโยบาย ตั้งแต่การให้สัมปทาน การจัดสรรทรัพยากร การแข่งขัน การส่งเสริมการลงทุน การเผยแพร่ข้อมูล การสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงาน กลุ่มบริษัทที่ไม่มีรายได้และต้นทุนการผลิตจากน้ำมัน: ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของประเทศ การกำหนดราคาน้ำมันที่เหมาะสมสะท้อนต้นทุน การส่งเสริมพลังงานทางเลือก และการวางแผนด้านพลังงานในระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนร่วมตอบแบบสอบถามจำนวน 39 บริษัทจาก 22 หมวดธุรกิจ มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 19% ของมูลค่าตลาดตามราคาตลาด ณ สิ้นเดือน ม.ค.58 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) related group คือ บริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทั้งในแง่รายได้จากน้ำมัน และ /หรือ ต้นทุนการผลิตโดยตรงเป็นน้ำมัน จำนวน 14 บริษัท และ 2) non-related group คือ บริษัทที่ไม่มีรายได้และต้นทุนการผลิตโดยตรงเกี่ยวกับน้ำมัน จำนวน 25 บริษัท
ขณะที่โน้มราคาน้ำมันในปี 58 ช่วงเดือน ม.ค.58 ราคาน้ำมันยังปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนราคาน้ำมันอยู่ที่ 48.64 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่คาดว่าราคาน้ำมันในปี 58 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 51- 60 ดอลลาร์/ บาร์เรล หรือเฉลี่ยประมาณ 65 ดอลลาร์ สรอ. / บาร์เรล หรือคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ความกังวลใจต่อการลดลงของราคาน้ำมันผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่คาดว่าการลดลงของราคาน้ำมันส่งผลบวกต่อกิจการทั้ง related group และ non-related group
ข้อเสนอแนะด้านนโยบาย ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่มีรายได้จากน้ำมันหรือทรัพยากร รวมทั้งบริษัทจดทะเบียนที่มีน้ำมันเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการผลิต (related group) ให้ความสำคัญกับแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมในภาพรวมและในระยะยาว รวมถึงมุมมองต่อโครงสร้างอุตสาหกรรมในอนาคต
การวางแผนนโยบายพลังงานสำหรับอนาคต อาทิ ส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทางเลือก / พลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องด้วยวิธีที่เหมาะสม กำหนดโครงสร้างภาษีและราคาน้ำมันให้เป็นธรรม เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ส่งเสริมการอนุรักษ์และประหยัดพลังงาน การดูแลและสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำมันและทรัพยากร
ส่งเสริมการกำกับ การสำรวจ การพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมในประเทศให้มีความต่อเนื่องและเกิดประโยชน์สูงสุด พัฒนาระบบขนส่งมวลชน ระบบราง ระบบท่อ เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง ส่งเสริมให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในการดำเนินธุรกิจปิโตรเลียมในประเทศ อาทิ ลดการผูกขาดของต่างประเทศ ลดผลประโยชน์ของบริษัทในเครือต่างประเทศ เป็นต้น สนับสนุนบริษัทในประเทศให้มีความเข้มแข็งสามารถก้าวสู่เวทีระดับโลก สนับสนุนองค์กรกำกับให้ทำหน้าที่โดยอิสระ เผยแพร่ข้อมูลอย่างโปร่งใสและถูกต้องให้กับประชาชน
ขณะที่บริษัทจดทะเบียนในกลุ่มที่ไม่มีรายได้จากน้ำมันหรือทรัพยากร และต้นทุนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน (non-related group) ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับจากอุตสาหกรรมพลังงาน และการบริหารต้นทุนของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เสนอให้ภาครัฐทบทวนและประเมินผลประโยชน์ที่รัฐจะได้จากการใช้ระบบสัมปทานหรือระบบแบ่งปันผลประโยชน์ กำหนดราคาน้ำมันให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง สอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลก และมีความโปร่งใส เป็นไปตามกลไกราคาตลาด สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการพลังงานทดแทน (Alternative Energy)รณรงค์ให้ประชาชนและภาคธุรกิจ ใช้พลังงานอย่างประหยัด ส่งเสริมพลังงานทางเลือก และวางแผนระยะยาวเพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ