"สศก.ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งจากการใช้มาตรการลดผลกระทบจากการนำเข้าให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันให้ได้รับราคาขายผลปาล์มน้ำมันไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 5 บาท โดยให้โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม และโรงงานไบโอดีเซลรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 30 บาท ในช่วงเวลานำเข้าจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558 นั้น ส่งผลให้ราคาผลปาล์มสด ณ หน้าโรงงาน ยังสูงกว่ากิโลกรัมละ 5.00 บาท โดยในช่วงวันที่ 1-23 กุมภาพันธ์ 2558 ราคาผลปาล์มสด ณ หน้าโรงงาน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.82 บาท
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ประกอบกับในเดือนมีนาคมต่อจนไปถึงช่วงไตรมาสที่สองของปี 2558 ซึ่งเป็นช่วงผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น จะทำให้อุปทานน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจะทำให้ราคาผลปาล์มที่เกษตรกรขายได้อ่อนตัวลงอีก" นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ เลขาธิการ สศก. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ(กนป.) กล่าว
สำหรับสถานการณ์ของผลผลิตปาล์มน้ำมันตึงตัวตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 จนถึงเดือนมกราคม 2558 ส่งผลให้ที่ประชุม กนป. เมื่อวันที่ 19 ม.ค.58 มีมติให้องค์การคลังสินค้า(อคส.) นำเข้าน้ำมันปาล์มจำนวน 50,000 ตัน ให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือน ก.พ.58 เพื่อผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ขณะเดียวกันให้กระทรวงพลังงานลดการใช้เพื่อพลังงานทดแทนเป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 3.5 แต่ไม่เกินร้อยละ 7 เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำมันปาล์ม
โดย สศก.ได้ลงพื้นที่ในจังหวัดกระบี่และสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 23-24 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อติดตามสถานการณ์ผลผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม และติดตามผลกระทบจากการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 50,000 ตัน โดยได้ตรวจเยี่ยมและรับฟังความคิดเห็นจากทั้งบริษัทเอกชน ชุมนุมสหกรณ์ และเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ซึ่งพบว่า ผลผลิตปาล์มน้ำมันเริ่มออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม และจะมีปริมาณมากสุดในเดือนเมษายนต่อเนื่องไปถึงเดือนพฤษภาคม 2558 ทำให้สต็อกน้ำมันปาล์มดิบกลับสู่ระดับปกติ นอกจากนี้ยังพบว่า คงมีปริมาณน้ำมันปาล์มขวดวางจำหน่ายใน modern trade จำนวนมากและบางแห่งจำหน่ายในราคาที่ตำกว่าราคาควบคุมของกระทรวงพาณิชย์(42 บาท/ขวด) ประกอบกับโรงสกัดได้รายงานว่า เริ่มมีการปฏิเสธการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงกลั่น เนื่องจากคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบจะปรับตัวลดลงตามปริมาณผลผลิตปาล์มที่จะออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
"เพื่อเป็นการเพิ่มอุปสงค์ของตลาด ขณะนี้จึงไม่มีความจำเป็นในการจำกัดปริมาณการซื้อน้ำมันขวด(ไม่เกินครอบครัวละ 3-6 ขวด) และสามารถปรับสัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตไบโอดีเซลให้กลับไปเป็นบี 7 ตามปกติได้ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2558 เพื่อไม่ให้เกษตรกรได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาตกต่ำ" นายเลอศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะเร่งผลักดันร่างยุทธศาสตร์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ปี 2558-2569 ให้สามารถดำเนินการได้โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้คณะทำงานได้ดำเนินการปรับปรุงร่างยุทธศาสตร์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มปี 2558-2569 เสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ส่งร่างยุทธศาสตร์ให้คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ(กรอ.) พิจารณา และเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา กรอ.ได้เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์(Roadmap) 4 สินค้า โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน เร่งรัดการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดและส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรรายย่อย การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ สู่การปฏิบัติในระดับท้องถิ่น และ การประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ จะได้เตรียมการเพื่อจัดทำแผนงาน/โครงการ เพื่อรองรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ทั้ง 4 ต่อไป