สำหรับมาตรการ QE ของสหภาพยุโรปนั้น คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าระบบในเดือนมี.ค.นี้ และเชื่อว่ามาตรการ QE นี้จะไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย โดยกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในส่วนของเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะมีมาตรการดูแลไม่ให้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ โดยที่ผ่านมา ธปท.ได้รายงานสถานการณ์ให้รัฐบาลรับทราบอยู่อย่างต่อเนื่องแล้ว
ส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่หลายฝ่ายเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ปรับลดในช่วงที่ผ่านมานั้น เชื่อว่า ธปท.จะดูแลเรื่องนี้อย่างเหมาะสม และต้องวิเคราะห์ข้อมูลเงินทุน การส่งเสริมความสามารถด้านเศรษฐกิจแก่ผู้ประกอบการไทย เรื่องคู่แข่ง คู่ค้าของไทยว่าเป็นอย่างไร ก่อนที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินนโยบายการเงินเช่นใดจึงจะเหมาะสม
ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวถึงแนวโน้มการส่งออกของไทยปีนี้ ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะขยายตัวได้ 1.4% โดยปีนี้ปัจจัยเสริมจะมาจากคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐฯ ที่เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น และกลุ่มประเทศ CLMV ที่ยังมีกำลังซื้ออยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ส่วนกรณีที่คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณ 4 หมื่นล้านบาทให้แก่กระทรวงคมนาคมเพื่อใช้สำหรับการซ่อมแซมถนนทั่วประเทศนั้น ขั้นตอนหลังจากนี้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการกู้เงิน ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินกู้ในประเทศเป็นหลัก และมองว่าโครงการต่างๆ ที่จะดำเนินการนี้ไม่ใช่โครงการขนาดใหญ่ที่จะต้องผ่านหลายขั้นตอนในการอนุมัติ ดังนั้นจึงน่าจะกระจายเม็ดเงินลงสู่ระบบได้เร็วขึ้น และมีส่วนช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี