โดยขณะนี้อาเซียนได้ลดภาษีนำเข้าระหว่างกันเหลือ 0% เกือบหมดแล้ว อาเซียนจึงตกลงกันที่จะดำเนินการอย่างเข้มข้นและจริงจัง เพื่อลด/เลิกมาตรการที่มิใช่ภาษีที่เป็นอุปสรรคทางการค้า โดยทุกประเทศเห็นร่วมกันว่าอาเซียนควรมีกลไกที่เข้มแข็งและมีการตรวจสอบข้อร้องเรียนจากภาคธุรกิจ ในเรื่องมาตรการที่มิใช่ภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง มีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ อาเซียนจะปรับปรุงระบบการรับเรื่องร้องเรียนที่มีอยู่เดิมให้ใช้ได้ง่ายขึ้น และให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของ AEC
"อาเซียนจะให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็ง การอำนวยความสะดวกทางการค้า การขยายโอกาสทางการค้าการลงทุนให้กับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของธุรกิจในอาเซียน โดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจตกลงให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชนของอาเซียน เพื่อร่วมหารือปัญหาอุปสรรคและรับฟังข้อเสนอแนะจากภาคธุรกิจ และนำข้อคิดเห็นต่างๆ มาจัดทำความตกลงการอำนวยความสะดวกทางการค้าของอาเซียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด" นางอภิรดี กล่าว
ในด้านการสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเอกชน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียได้นำเสนอโครงการเพื่อเพิ่มการค้าการลงทุนของผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ กลาง และเล็กของอาเซียน โดยการนำกลุ่มนักธุรกิจ/บริษัทจากประเทศต่างๆในอาเซียนในสาขาต่างๆ ที่กำลังแสวงหาการค้าและการลงทุนภายในภูมิภาคเดินทางไปในประเทศต่างๆ เพื่อร่วมระดมความคิด ระบุปัญหาอุปสรรคของการค้าลงทุนในแต่ละประเทศ และพบปะกับภาครัฐเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหา ซึ่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจเห็นประโยชน์ของข้อเสนอโครงการนี้ และจะศึกษาในรายละเอียด โดยเห็นว่าการเข้าร่วมโครงการต้องเป็นไปโดยสมัครใจ
นอกจากนี้ ผู้แทนภาคธุรกิจของมาเลเซียในฐานะประธานสภาธุรกิจอาเซียนในปีนี้ ได้เข้าพบรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนเพื่อนำเสนอประเด็นที่ต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การจัดตั้งธนาคารเพื่อผู้ประกอบการขนาดย่อย ขนาดเล็ก และขนาดกลาง(MSME Bank) การจัดตั้งสมาคมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และสมาคมผู้ประกอบการสตรีของอาเซียน การจัดให้มีช่องทางเข้าเมืองสำหรับคนจากอาเซียน ณ จุดเข้าเมืองต่างๆ (ASEAN Lane) เป็นต้น ซึ่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจเห็นว่าควรมีการแบ่งกลุ่มข้อเสนอของภาคเอกชนเป็นมาตรการที่ดำเนินการในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยมาตรการใดที่ทำได้ง่าย เช่น การจัดตั้งสมาคมต่างๆ และการจัดทำ ASEAN Lane น่าจะสามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนข้อเสนอการจัดตั้งธนาคาร MSME จะเป็นมาตรการที่ต้องดำเนินการในระยะยาว
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า รัฐมนตรีอาเซียนเห็นพ้องกันให้สรุปการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ให้ได้ภายในปี 2558 ตามที่กำหนดไว้ โดยอาเซียนจะต้องมีบทบาทเป็นศูนย์กลางในการผลักดันให้การเจรจามีความคืบหน้า และสามารถตกลงกันได้ในเรื่องสำคัญ ได้แก่ การจัดทำรูปแบบการลดภาษี และการเปิดเสรีบริการและการลงทุน ซึ่งอาเซียนทุกประเทศตกลงกันที่จะยื่นข้อเสนอการเปิดตลาดสินค้า บริการ และการลงทุน ก่อนการเจรจารอบต่อไปในเดือนมิถุนายน 2558 เพื่อเร่งรัดการเจรจาให้สามารถสรุปผลได้ตามกำหนดเวลา
สำหรับเรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายหลังปี 2558 อาเซียนกำลังพิจารณาจัดทำร่างวิสัยทัศน์ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายหลังปี 2558 ซึ่งคาดว่าอาเซียนจะมีการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มข้น โดยอาจจะเปิดเสรีเพิ่มขึ้นรวมทั้งมีการปรับประสานมาตรฐาน กฎระเบียบต่างๆให้สอดคล้องกันมากขึ้น เพื่อให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่สามารถแข่งขันได้ในเศรษฐกิจโลกได้อย่างมั่นคง โดยอาเซียนมีกำหนดจะจัดทำวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2558 และนำเสนอต่อรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในเดือนสิงหาคม 2558 ก่อนผู้นำอาเซียนจะ ประกาศวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ซึ่งรวมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และการเมืองและความมั่นคง ในช่วงการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 27 ในเดือนพฤศจิกายนนี้