สำหรับยอดขายและให้เช่าพื้นที่ในปีงบประมาณ 57 (ต.ค.56-ก.ย.57) อยู่ที่ 3,541 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ที่ กนอ. ดำเนินงานเอง 11 นิคมฯ มียอดขายและให้เช้าพื้นที่ 98 ไร่ และนิคมฯ ร่วมดำเนินงานกับเอกชนที่เปิดดำเนินการแล้ว 29 นิคมฯ มียอดขายและให้เช่าพื้นที่ 3,443 ไร่
ทั้งนี้ ในช่วงต้นปีงบประมาณ 58 กนอ.ได้มีการลงนามจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานเพิ่มขึ้นอีก 3 แห่ง รวมพื้นที่ 5,564 ไร่ มูลค่าการลงทุน 185,178 ล้านบาท ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมเชียงของ จ.เชียงราย พื้นที่ประมาณ 462 ไร่, นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิรฺ์นซีบอร์ด (โครงการ 4) จ.ระยอง พื้นที่ 2,142 ไร่ และ นิคมอุตสาหกรรมหนองคาย พื้นที่ 2,960 ไร่ คาดว่าทั้ง 3 นิคมจะเปิดดำเนินการราวปี 60 เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 8 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 58 จะพยายามชักชวนลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ เคมีภัณฑ์ให้เข้ามาลงทุนเพิ่ม โดยมีแผนจะส่งเสริมการตลาดในส่วนของนโยบาย Eco Car เฟส 2 ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการลงทุน
ส่วน Rubber City พื้นที่ 755 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จ.สงขลา ขณะนี้การออกแบบขั้นหลักการ (Conceptual Plan) เสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังทำพิมพ์เขียว คาดว่าการก่อสร้างจะเกิดขึ้นราวปลายปี 58 เปิดบริการ กลางปี 60 รองรับอุตสาหกรรมยางปลายน้ำ เช่น ถุงมือยาง ที่นอน-หมอนยางพารา ฝาย อ่างเก็บน้ำ ยางวิศวกรรม ต่างๆ ส่วนอีก 20% รองรับการผลิตยางคอมพาวป์ รวมทั้งในอนาคตอาจจะมีการดึงประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตถุงมือยาง และผู้ซื้อน้ำยางจากประเทศไทยเข้ามาร่วมจัดตั้งโรงงานในประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้ กนอ.ยังเตรียม MOU กับคลัสเตอร์พลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กลุ่มพลาสติก สถาบันพลาสติก และ บมจ. พีทีที โกลบอลเคมิคอล (PTTGC) ในวันที่ 10 มี.ค. ตั้งโรงงานแปรรูปบรรจุภัณฑ์ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยอยู่ระหว่างเลือกพื้นที่ระหว่างแม่สอด หรือ สระแก้ว รวมทั้งกำลังเจรจาคลัสเตอร์กลุ่มอุตสาหกรรมกระดาษให้เข้าไปลงทุนในพื้นที่เดียวกัน คาดว่าน่าลงนาม MOU ได้ประมาณ H2/58 โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับเครือ SCG รวมทั้งมีความสนใจจะเจรจาคลัสเตอร์กลุ่มอาหารเครื่องดื่มให้เข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจชายแดนในอนาคตด้วย
นายวีรพงศ์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่คงเหลือสำหรับขายและให้เช่าราว 1 หมื่นไร่ คาดว่าจะขายได้หมดใน 3 ปี เฉลี่ยปีละประมาณ 3,000 ไร่
นอกจากนี้ กนอ.มีแผนเพิ่มพื้นที่เพื่อการอุตสาหกรรมตามนโยบายรัฐบาล ระยะที่ 2 เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่แนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ และการเข้าสู่ประตูการค้าอาเซียน โดยจะประกาศเชิญชวนภาคเอกชนเสนอพื้นที่จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในภาคเนือก จำนวน 7 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดตาก ลำปาง กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิษณุโลก พะเยา และเชียงใหม่ และการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เป้าหมายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น นครพนม มุกดาหาร สกลนคร และอุบลราชธานี ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกประกาศเชิญชวนได้ในเดือนมี.ค.นี้