หลังจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศ ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมการค้าภายใน จะตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นซองทั้งหมด หากไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด หรือกระทำการเป็นตัวแทนอำพราง(นอมินี) ให้กับบริษัทที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด จะประกาศรายชื่อผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนเวลา 09.00 น.วันที่ 6 มี.ค.58 จากนั้นเวลา 09.00-10.30 น.จะเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าว และจะเปิดซองเสนอราคาตั้งแต่เวลา 10.30 น.เป็นต้นไป โดยผู้ที่ยื่นเสนอราคาผ่านเกณฑ์ราคาขั้นต่ำที่กำหนดจะอนุมัติขายให้
สำหรับข้าวที่เปิดประมูลในครั้งนี้มีปริมาณรวมกว่า 1 ล้านตัน เป็นข้าวขาว 5%, 10%, 15%, 25%, ข้าวเหนียว และปลายข้าว ในคลังสินค้าขององค์การคลังสินค้า(อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) ซึ่งเป็นการระบายแบบรายคลังตามสภาพข้าวที่เก็บรักษา และเป็นการระบายเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม การประมูลข้าวครั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้กำหนดคุณสมบัติผู้ยื่นประมูลข้าวให้มีความรัดกุมและเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่เคยมีปัญหากระทำความผิดเกี่ยวกับการค้าข้าวเข้ามาประมูลได้ เช่น กำหนดคุณสมบัติต้องเป็นผู้ค้าข้าวเท่านั้น ไม่เคยมีพฤติกรรมที่สร้างความเสียหายต่อโครงการแทรกแซงสินค้าเกษตร ต้องไม่มีประวัติการชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช. หรือมีความเกี่ยวพันกับบริษัทที่กระทำความผิด
โดยการประมูลข้าวครั้งนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลน้อยกว่าครั้งที่ 1/58 ที่เปิดประมูลไปเมื่อวันที่ 29 ม.ค.58 ปริมาณ 999,000 ตัน โดยครั้งนั้นมีผู้สนใจเข้ายื่นประมูลรวม 100 ราย แต่ผ่านคุณสมบัติ 96 ราย แต่ในครั้งนี้มีผู้เข้ายื่นซองคุณสมบัติรวม 45 ราย และยังไม่ทราบผลว่าจะมีผู้ผ่านคุณสมบัติก่อนที่จะยื่นซองเสนอราคากี่ราย
ด้านพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า สาเหตุที่มีผู้เข้าร่วมยื่นซองคุณสมบัติเพื่อประมูลข้าวยกคลังรอบ 2 ประมาณ 45 รายนั้น ชี้ให้เห็นว่ามาตรการป้องกันไม่ให้มีนอมินีของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกรณีทุจริตเข้ามาร่วมเสนอซื้อข้าวจากภาครัฐได้ผล ซึ่งมั่นใจว่าการประมูลครั้งนี้ จะได้ราคาดีและน่าจะระบายข้าวได้ในปริมาณที่น่าพอใจ