น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา กรมฯได้เปิดให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติในการเข้าร่วมการประมูลซื้อข้าวในสต๊อกจากรัฐบาล ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวรัฐแบบยกคลัง รอบ 2/58 ปริมาณ 1 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวขาว 5% ,10% 15% และ 25% ข้าวเหนียว และปลายข้าว ในคลังสินค้าขององค์การคลังสินค้า(อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ซึ่งมีผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมประมูล 45 ราย แต่เข้าร่วมยื่นซองเสนอราคาทั้งหมด 40 ราย โดยใน 40 รายได้ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวรวมทั้งหมดปริมาณ 780,000 ตันใน 89 คลัง จากที่เปิดขายทั้งหมด 124 คลัง หรือคิดเป็น 71.77% ของปริมาณข้าวที่นำมาเปิดประมูล ส่วนอีก 35 คลัง ไม่มีผู้ยื่นเสนอราคา คิดเป็นปริมาณ 220,000 ตัน
"คาดว่าจะสามารถสรุปผลการเสนอซื้อข้าวสารครั้งนี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.) อนุมัติได้ภายในสัปดาห์หน้า เชื่อว่าจะสามารถขายได้เกือบหมดตามที่มีผู้ยื่นซองเสนอซื้อ ซึ่งมีผู้เสนอซื้อในราคาต่ำกว่าราคาขั้นต่ำที่กำหนดเพียง 2 คลัง หรือเป็นไปตามเกณฑ์ 87 คลัง คาดว่าจะมีมูลค่าการขายครั้งนี้มากกว่า 8,000 ล้านบาท เพราะผู้ประกอบการเกือบทั้งหมดเสนอซื้อในราคาสูงกว่าราคาขั้นต่ำที่ประกาศไว้" น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การประมูลครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าจำนวนผู้ที่เข้าร่วมประมูลไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะขายข้าวได้ปริมาณน้อย เพราะการประมูลรอบ 2 มีผู้ยื่นเสนอซื้อ 40 ราย แต่ปริมาณที่เสนอซื้อข้าวมากถึง 780,000 ตัน ซึ่งมากกว่าการอนุมัติขายในรอบแรก 500,000 ตัน และมีผู้ยื่นซองเสนอราคาเกือบ 100 ราย เชื่อว่าการประมูลข้าวใน 2 รอบที่ผ่านมาจะไม่กระทบกับราคาผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังปี 58 ที่กำลังทยอยออกมา เพราะข้าวใหม่มีตลาดต่างประเทศรองรับอยู่แล้ว และกรมฯกำลังเร่งหาตลาดเพิ่มเติมทั้งในแอฟริกา อาเซียน และจีน