“ส่วนการลงทุนภาคเอกชนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์ภายในประเทศก็กลับมาขยายตัว เช่น ภาคโทรคมนาคม ภาค ค้าปลีกค้าส่ง รวมถึงภาคก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวตามความชัดเจนของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาระบบคมนาคมและขนส่งทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรากฐานความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และสังคม รองรับการขยายตัวของสังคมเมืองและการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้”
พล.อ.ประจิน กล่าวว่ารัฐบาลมองว่างานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 32 นี้ จัดขึ้นมาในช่วงเวลาที่ถูกต้องที่สุด เพราะไม่เพียงแต่สอดประสานกับนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาล แต่ยังตอบรับกับความเชื่อมั่นและความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเวลานี้ ของผู้บริโภคในการลงทุนซื้อที่อยู่อาศัย
ส่วนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น พล.อ.ประจิน กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราการจัดเก็บอยู่ โดยทางคณะกรรมการจะมีการทำให้อัตราในการจัดเก็บนั้นไม่เกิดผลกระทบมากต่อประชาชน โดยสาเหตุที่ภาครัฐต้องมีการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลุกสร้างนั้น เพราะภาครัฐมีความต้องการเงินที่จะนำไปลงทุนในการขยายโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อให้ความเจริญขยายตัวมากขึ้น และช่วยกระตุ้นการลงทุน สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้คาดว่าในช่วง 1-2 ปีนี้ยังไม่เห็นผลกระทบเชิงลบของการจัดเก็บภาษีที่ดินต่อภาคอสังหาริมทรัพย์มากนัก
“ในช่วง 1-2 ปีนี้การจัดเก็บภาษีที่ดินจะไม่มีผลกระทบที่ไม่ดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์มากนัก อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าภาครัฐมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินจึงต้องพยายามบาลานซ์รายรับและรายจ่ายของงภาครัฐให้พอๆกัน และก็ไม่อยากให้กระทบกับประชาชนมากด้วย ตอนนี้อัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินก็ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา แต่เราก็จพยายามไม่ทำให้เกิดผลกระทบมากเกินไป จริงแล้วภาครัฐมีความต้องการสนับสนุนในทุกๆด้าน โดยเฉพาะการผลักดันด้านการคมนาคม อย่างเช่น การลงทุนรถไฟฟ้า ที่จะช่วยสร้างความเจริญให้ขายตัวออกไปในพื้นที่ต่างๆ และส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ”พล.อ.ประจิน กล่าว
ด้านนายอารีศักดิ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 32 กล่าวว่า ภาพรวมของตลาด อสังหาริมทรัพย์ในปี 58 มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีขึ้นจากปีก่อน เป็นปีที่ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านกล้าตัดสินใจมากขึ้น ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินหลายแห่งก็ระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะมีอัตราการขยายตัว (GDP) อยู่ที่ร้อยละ 4 โดยมีแรงกระตุ้นจากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐเป็นสำคัญ บวกกับราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างและดำเนินงานไม่ปรับตัวขึ้น อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นร้อยละ 1.75 ต่อปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวต่อไป
นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ฟื้นตัวขึ้น ยังมาจากการขยายต่อระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมที่มีความชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งถนนตัดใหม่ที่จะแล้วเสร็จอีกจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดโครงการแนวราบเปิดตัวเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมจะเติบโตตามแนวรถไฟฟ้าด้วยเช่นกัน การก้าวเข้าสู่ AEC ในช่วงปลายปี 2558 นี้ ก็ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญอีกประการ ซึ่งจะช่วยเร่งการขยายโครงสร้างพื้นฐานในเขตเมืองต่างๆ เพื่อรองรับประชากรแรงงานที่จะเพิ่มขึ้น ปัจจัยดังกล่าวล้วนแต่ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคกลับเข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น
"เชื่อว่าจะมีคนร่วมงานครั้งนี้มากกว่าแสนคนและมียอดขายตลอดงานทะลุ 3 พันล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายตามมาอีกหลังจบงาน 2-3 เท่าตัว"นายอารีศักดิ์ กล่าว
สำหรับงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 32 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 มี.ค.58 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์