โดยเฉพาะทูตพาณิชย์ต้องมุ่งดำเนินการตามยุทธศาสตร์การส่งออก โดยเร่งรัดและผลักดันการส่งออกทั้งในระยะสั้น เพื่อให้บรรลุตามเป้าการทำงานที่ได้ตั้งไว้ และระยะยาว เพื่อวางรากฐานให้การส่งออกของประเทศมีความยั่งยืน อีกทั้งได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงทิศทางการดำเนินงานที่จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยให้เจริญก้าวหน้า และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันมีแนวโน้มชะลอตัวลง IMF ได้ปรับลดการคาดการณ์ การขยายตัวเศรษฐกิจโลกในปี 58 มาอยู่ที่ 3.5% (ณ เดือนม.ค.58) ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักของไทยเติบโตในอัตราที่ชะลอตัว ซึ่งปัจจัยมหภาคเหล่านี้ส่งผลต่อภาคการส่งออกของไทย
ดังนั้น "ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการส่งออก" จะต้องเน้นการเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์ เน้นการเจาะขยายตลาดใหม่ และขยายโอกาสทางการค้าอย่างสร้างสรรค์ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวไว้ในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ถึงความสำคัญของการเดินหน้าเปิดตลาดใหม่ให้ประชาชนได้รับทราบถึงนโยบายของรัฐบาล จึงต้องการให้ทูตพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการทำงานในเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์โดยแบ่งกลุ่มตลาดออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอาเซียน กลุ่มตลาดที่มีพัฒนาการเศรษฐกิจปานกลาง เช่น จีน อินเดีย ออสเตรเลีย กลุ่มตลาดที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจสูง เช่น สหรัฐ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น กลุ่มตลาดใหม่ เช่น แอฟริกา เพื่อกำหนดเป้าหมาย/กลยุทธ์ให้ชัดเจน โดยได้มีการดำเนินการไปแล้ว ดังนี้
ในตลาดที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจปานกลาง ในช่วงเดือนมีนาคมนี้จะมีคณะผู้แทนการค้าเดินทางเข้ามาเจรจาในไทย เช่น เกาหลีใต้ (15-19มี.ค.) ฮ่องกง (1-4 เม.ย.) จะเดินทางเข้ามาสั่งซื้อผลไม้ไทย และตุรกี (17-21 มี.ค.)จะเดินทางเข้ามาสั่งซื้อสินค้ายางพารา นอกจากนั้นคณะผู้แทนจากอินเดียจะเดินมาเจรจา FTA ไทยอินเดียในช่วงวันที่ 22-23 เมษายน 58 และในตลาดอาเซียนจะมีการนำคณะผู้แทนการค้าจากมาเลเซียมาเจรจาซื้อผลไม้ไทย ในช่วงวันที่ 2 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ การส่งออกของไทยกำลังเผชิญความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ทั้งค่าเงิน ปัญหาการเมืองและความขัดแย้งในประเทศต่างๆ รวมทั้งราคาน้ำมันและราคาสินค้าเกษตรที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ล้วนส่งผลกระทบต่อการส่งออก จากสถานการณ์ดังกล่าว ทูตพาณิชย์จำเป็นต้องทำงานหนักขึ้น ให้การส่งเสริมและสนับสนุนภาคเอกชนในการออกไปทำธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะทูตพาณิชย์จะต้องมีความเป็นนักธุรกิจมากขึ้นและใกล้ชิดกับนักธุรกิจและทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น เน้นกิจกรรมเพื่อเร่งรัดการส่งออกตามยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ และทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารโดยใช้ประโยชน์จากดิจิทัลเทคโนโลยีมากขึ้นตามนโยบาย Digital Economy เพื่อจะได้เผยแพร่ข้อมูลของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการค้าของประเทศ และข้อมูลประกอบการอำนวยความสะดวกทางการค้าต่างๆ อีกทั้งเป็นหน่วยงานในการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกในประเทศที่ทูตพาณิชย์รับผิดชอบด้วย