นายณัฐพงษ์ เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบให้มีการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยแก้ไขด้วยการกระจายสัดส่วนของล็อตเตอรี่ใหม่ และเตรียมเพิ่มผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ในการออกรางวัล เช่น หวยออนไลน์ หรือแม้แต่นำสลากฯ ไปจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ-เคาน์เตอร์เซอร์วิส เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น, โลตัส, บิ๊กซี เป็นต้น เครือข่ายฯ จึงมีข้อห่วงใยและขอแสดงจุดยืนต่อกระทรวงการคลัง ดังนี้
1. เครือข่ายฯ ขอสนับสนุนการปฏิรูปกิจการสลากแก้ไขปัญหาสลากฯ แพง แต่ขอคัดค้านการเพิ่มผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ อาทิ สลากฯ ออนไลน์ หรือแม้แต่นำสลากฯ ไปจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ-เคาน์เตอร์เซอร์วิส เนื่องจากเป็นการมอมเมาและประชาชนเข้าถึงง่ายเกินไป เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน
2. ขอเรียกร้องให้การปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับใหม่ คำนึงถึงผลดี-ผลเสียที่จะเกิดกับสังคมโดยรวม ทั้งนี้ ควรมีเจตนารมณ์ที่สำคัญปกป้องเด็กและเยาวชน โดยกำหนดให้มีกลไกที่ชัดเจน ในลักษณะตั้งเป็นกองทุนลดพนันในสังคมไทย เพื่อป้องกันนักพนันหน้าใหม่รวมถึงการเยียวยาฟื้นฟูผู้ติดพนัน
3. เครือข่ายฯ ขอสนับสนุนให้จำกัดการเข้าถึงสลากกินแบ่งรัฐบาลของเด็กและเยาวชน โดยกำหนดห้ามขายให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี และห้ามเป็นผู้ขาย รวมถึงห้ามขายในสถานศึกษา ใกล้สถานศึกษา รวมถึงศาสนสถาน
"การแก้กฎหมายครั้งนี้ รัฐและกระทรวงการคลังจะต้องจริงใจ โดยไม่มีวาระซ่อนเร้น เนื่องจาก พ.ร.บ.สลากฯ ฉบับใหม่ ระบุอำนาจให้สำนักงานสลากฯ มาก ซึ่งน่าจับตามองและเชื่อว่าสังคมรู้ทัน หากมองให้สอดคล้องกับเหตุผล รัฐจะต้องมีหลักประกันว่าจะไม่สร้างผลกระทบหรือสร้างนักพนันหน้าใหม่ที่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน เนื่องจากการเพิ่มพื้นที่สลากฯ เท่ากับเพิ่มปัญหาสังคม เพิ่มความยากจน เพิ่มการยั่วยุในการเล่นพนันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งความสุขและผลประโยชน์คงไปตกอยู่กับนายทุนเจ้าของตู้มากกว่า" นายณัฐพงศ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า สิ่งที่รัฐควรทำคือตั้งกองทุนลดพนันในสังคมไทยปกป้องเด็กและเยาวชนจากปัญหาการพนัน โดยเครือข่ายฯ ขอสนับสนุนการปฏิรูปกิจการสลากฯ นำเงินมาพัฒนาสังคม ลดปัญหาพนัน