ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ที่มีการพัฒนาจนเป็นเหตุให้รถยนต์ส่วนบุคคลมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยรถยนต์กำหนดไว้เดิมไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม อีกทั้งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนรถที่มีรถดังกล่าวโดยที่ไม่ได้มีไว้เพื่อการประกอบการขนส่ง
สำหรับรถยนต์นั่งและรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม ซึ่งเป็นรถขนาดใหญ่และไม่ได้มีไว้เพื่อการประกอบการขนส่ง หากจะจดทะเบียนเป็นรถตาม พ.ร.บ.รถยนต์ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่ราชการกำหนด ซึ่งผู้ขอต้องสามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าจะใช้รถดังกล่าวเพื่อการส่วนตัวโดยแท้จริง เพื่อไม่ต้องการให้นำรถไปใช้ผิดประเภท อย่างไรก็ดี เห็นว่า รถยนต์นั่งและรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัมที่จะนำมาใช้เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวนน้อย
ทั้งนี้ ให้แนบหลักฐานเพิ่มเติม ได้แก่ หลักฐานการแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาย้อนหลัง 2 ปี หลักฐานแสดงฐานะการเงินที่มั่นคงและความจำเป็นต้องใช้รถขนาดใหญ่เพื่อการส่วนตัว ภาพถ่ายตัวรถพร้อมรายละเอียด ขนาด สัดส่วนและขนาดของรถจากบริษัทผู้ผลิต
รวมทั้ง หลักฐานแสดงที่จอดรถ ได้แก่ ภาพถ่ายสถานที่จอดรถที่มีเนื้อที่จอดรถไม่กว่า 35 ตารางเมตร แผนที่แสดงที่จอดรถ และหนังสือรับรองการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลตามที่ทางราชการกำหนด โดยเจ้าหน้าที่จะมีการออกตรวจสถานที่จอดรถและหลักฐานต่างๆ ตามที่กำหนด
"กฎหมายออกมาเพื่อป้องกันการนำรถขนาดใหญ่ เช่น รถบัส รถสิบล้อ มาขอจดทะเบียนเป็นรถตาม พ.ร.บ.รถยนต์แล้วนำไปใช้ประกอบการขนส่งผิดกฎหมาย"
นายสุชาติ ยังกล่าวด้วยว่า การแก้ไขกฎหมายฉบับดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ กับการจดทะเบียนรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง) หรือรถบรรทุกส่วนบุคคล (รถปิคอัพ) แต่อย่างใดทั้งสิ้น โดยดำเนินการเช่นเดิมตามที่เคยปฏิบัติมา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มพัฒนาระบบทะเบียนและภาษีรถ สำนักมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2271 8703 หรือสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 และสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด