เสาหลักที่ 1 การขายที่แข็งแกร่งและการเติบโตอย่างมีคุณค่า ด้วยเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทประกันชีวิตผ่านหลากหลายช่องทางอย่างแท้จริง เพื่อช่วยให้ลูกค้าสะดวกสบายในการเข้าถึงบริการเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่ ส่งเสริมให้ตัวแทนขายใช้แท็บเล็ตในการยื่นใบคำขออนุมัติกรมธรรม์ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ นำนวัตกรรมระบบ MPOS สนับสนุนตัวแทนประกันพกพาเครื่องรับชำระเงินของ ธนชาติ เพย์ แอนด์โก ไปอำนวยความสะดวกลูกค้าในการชำระเบี้ยประกันได้ทุกที่ ทุกเวลา มีลงทุนด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล
นอกจากนี้ ยังเห็นโอกาสขยายธุรกิจด้านการจัดหาผลิตภัณฑ์เพื่อคุ้มครอง (insurance protection) สำหรับพนักงานองค์กร ตามแนวโน้มเติบโตของลูกค้ากลุ่มองค์กร ที่มีจำนวนมากขึ้นและขนาดใหญ่ขึ้น
เสาหลักที่ 2 แบรนด์ที่แข็งแกร่งและประสิทธิผลในการดำเนินงาน บริษัทมุ่งเน้นที่จะสร้างแบรนด์ และความแตกต่างของแบรนด์จากคู่แข่ง ผ่านทั้งช่องทางการตลาดแบบเดิมและดิจิทัล ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ที่ไม่หยุดนิ่ง มีนวัตกรรม และเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับสูง พร้อมตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างทันท่วงที
เสาหลักที่ 3 การบริหารจัดการบุคลากรที่แข็งแกร่ง มุ่งมั่นในการเป็นองค์กรในฝันของพนักงานตามเป้าหมาย 3 ปีข้างหน้า โดยส่งเสริมพนักงานให้มีความก้าวหน้าในอาชีพ พัฒนาการมีส่วนร่วมของพนักงาน สร้างวัฒนธรรมที่เข้มแข็งต่อการสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจ
ทั้งนี้ ล่าสุด เอฟดับบลิวดีประกันชีวิตยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการพัฒนาหลักสูตรสำหรับผู้บริหารตัวแทน (Agency Leader) นับเป็นครั้งแรกที่เกิดความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและบริษัทประกันชีวิต
“แม้ว่าเป้าหมายปี 2558 จะค่อนข้างยาก และท้าทายยิ่งขึ้น แต่ก็มั่นใจว่า เอฟดับบลิวดี มีจุดแข็งที่โดดเด่น และโอกาสขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการสร้างคุณค่าสูงสุดให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน"นายแพล็กซ์ตัน กล่าว
สำหรับปี 57 บริษัทมีผลประกอบการเป็นที่น่าพึงพอใจ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 14,115.1 ล้านบาท เติบโต 9% จากปี 56 มีกำไรจากผลการดำเนินงานตามกฎหมายก่อนหักภาษี (Statutory Profits before TAX) เพิ่มขึ้น 61% เทียบกับปีก่อนหน้า
ในส่วนของเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 3,309 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าอัตราเติบโตโดยรวมของตลาดที่อยู่ 15%. โดยสัดส่วนหลักมาจากการขายผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ 80% ตามมาด้วย การขายผ่านช่องทางตัวแทน15.72% และช่องทางการขายแบบทางเลือกอื่น 4.20% ขณะที่ อัตราส่วนการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (RBC Ratio) ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 322% มีสินทรัพย์เพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้น 31% เป็น 58,988 ล้านบาท
ณ สิ้นปี 57 เอฟดับบลิวดีประกันชีวิตมีลูกค้ามากกว่า 487,000 ราย ซึ่งผลการดำเนินงานที่โดดเด่นนี้ มาจากการทำงานอย่างทุ่มเททั้งของธนาคารทีเอ็มบี พันธมิตรทางธุรกิจทุกราย พนักงานเอฟดับบลิวดีมากกว่า 450 คน และตัวแทนมากกว่า 3,200 รายทั่วประเทศ