ทั้งนี้ กรมฯ ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการทั้ง 7 รายได้รับทราบแล้ว และได้ขอให้จัดส่งเอกสารหลักฐานยืนยันการประกอบธุรกิจ และการเป็นเจ้าของธุรกิจมาให้กรมฯ พิจารณา โดยล่าสุดบางรายได้ส่งเอกสารหลักฐานมาให้แล้ว แต่บางรายยังไม่ส่งมา ซึ่งกรมฯ จะส่งหนังสือแจ้งเตือนให้ส่งเอกสารหลักฐานอีกครั้ง หากไม่ส่งจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนมาแล้วจะมีการตรวจสอบเชิงลึก เพื่อดูว่าเป็นธุรกิจของคนไทยจริงหรือไม่ ถ้าพบว่ามีความผิดโดยเจตนาเป็นนอมินีให้กับคนต่างชาติ จะมีความผิดฐานสนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเข้ามาทำธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสน-1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน นอกจากนี้หากเห็นว่ามีผลกระทบต่อธุรกิจของคนไทย และมีผลต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง จะส่งเรื่องต่อให้ดีเอสไอดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
น.ส.ผ่องพรรณ กล่าวว่า กรมฯ ยังมีแผนตรวจสอบนอมินีในธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นอีก โดยล่าสุดกำลังตรวจสอบที่ อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี และจากนั้นจะตรวจสอบที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์, จ.ภูเก็ต และ จ.เชียงใหม่ ตามลำดับ