ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือน ก.พ.58 อยู่ที่ 61.40 ลดลงจาก 58.92 ในเดือนก.พ.57
สำหรับอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลต่อการขยายตัว อาทิ การกลั่นน้ำมัน เบียร์ น้ำตาล เครื่องนุ่งห่ม รถยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นตัวหลักที่ทำให้ดัชนี MPI กลับมาขยายตัวเป็นบวก โดยการผลิตรถยนต์ มีจำนวน 178,351 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2.79 การจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ มีจำนวน 63,945 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 10.79 และ การส่งออกรถยนต์ มีจำนวน 108,173 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 11.32 โดยในปีนี้คาดว่าการผลิตรถยนต์ประมาณ 2,130,000 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.30 โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 930,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.49 และ เป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 1,200,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.37 เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศและตลาดส่งออกหลักมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ในประเทศแถบเอเชีย ตะวันออกกลาง และโอเชียเนีย
ขณะที่อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า การบริโภคเหล็กของไทยเดือนกุมภาพันธ์ปี 2558 มีปริมาณ 1.35 ล้านตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การผลิตมีปริมาณ 0.47 ล้านตัน ลดลง ร้อยละ 23.45 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงทรงตัว ทำให้ความต้องการใช้ในประเทศและการผลิตเหล็กทรงยาว มีทิศทางที่ลดลง ร้อยละ 10.7 และ ร้อยละ 20.1 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างในโครงการของภาคเอกชนที่ชะลอตัว ในขณะที่โครงการของภาครัฐในส่วนของการก่อสร้างยังไม่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากราคาเหล็กที่ลดลง จึงมีผลทำให้ผู้ผลิตที่ผลิตเหล็กทรงยาว ไม่มีการนำเข้าเหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต ซึ่งเป็นวัตถุดิบมาผลิต ซึ่งผู้ผลิตเหล่านี้ ต่างรอดูที่ราคาเหล็กให้นิ่งก่อน สำหรับในส่วนของเหล็กทรงแบน พบว่า การบริโภค เพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.0 แต่การผลิตในประเทศ กลับลดลง ร้อยละ 26.18 โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่มีการบริโภค เพิ่มขึ้น คือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 76.5 และเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.7 และเหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10.0 โดยการบริโภคที่เพิ่มขึ้น นั้นส่วนใหญ่มาจากการนำเข้า โดยในส่วนของเหล็กบางประเภท เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อน เริ่มมีการนำเข้าจากบางประเทศซึ่งไทยไม่เคยนำเข้าจากประเทศนั้นมาก่อน เช่น อิหร่าน เพิ่มมากขึ้น แต่สำหรับการนำเข้าจากจีนลดลง เนื่องจากมีการดำเนินการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด
ด้านอุตสาหกรรมอาหาร เป็นอุตสาหกรรมอีกด้านที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 3.2 เนื่องจากการผลิตผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ ประมง และน้ำตาล ส่วนการส่งออกในภาพรวมลดลงร้อยละ 4.7 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของผลสรุปการแก้ไขวิกฤตการณ์ยูเครน-รัสเซีย-สหภาพยุโรป แต่ยังมีแนวโน้มดีจากการเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศผู้นำเข้า เช่น สหรัฐอเมริกา ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
ส่วนอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มนั้น การผลิตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การผลิตสินค้ากลุ่มสิ่งทอปรับตัวลดลง โดยผลิตภัณฑ์เส้นใยสิ่งทอลดลงเล็กน้อย ร้อยละ 0.11 ผลิตภัณฑ์ผ้าผืนลดลง ร้อยละ 12.41 จากคำสั่งซื้อของตลาดอาเซียนลดลง โดยเฉพาะจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดคู่ค้าหลัก ส่วนกลุ่มเสื้อผ้าสำเร็จรูป มีการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.79 ตามความต้องการใช้ในประเทศ ส่วนหนึ่งจากมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ เช่น การให้ข้าราชการทั่วประเทศแต่งเครื่องแบบข้าราชการ การรณรงค์ให้ประชาชน องค์กรต่าง ๆ ใส่เสื้อสีม่วงในเดือนเมษายนเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ สยามบรมราช โดยการส่งออก เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.98 ในผลิตภัณฑ์เส้นใยสิ่งทอตามการขยายตัวของตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ อินโดนีเซีย จีน อินเดีย และปากีสถาน ส่วนผลิตภัณฑ์ผ้าผืน มีมูลค่าส่งออกลดลง ร้อยละ 9.10 ในตลาดอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม และกัมพูชา สำหรับกลุ่มเสื้อผ้าสำเร็จรูป มีมูลค่าการส่งออกลดลง ร้อยละ 8.96 จากคำสั่งซื้อในตลาดสหภาพยุโรป ลดลง เนื่องจากถูกยกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา
ขณะที่การส่งออกสินค้าสำคัญรายการอื่นๆ อาทิ อัญมณีและเครื่องประดับ(ไม่รวมทองคำ) เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ แผงวงจรไฟฟ้า ยังมีการส่งออกขยายตัว ในขณะที่การนำเข้าสินค้าทุน ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.9 จากการนำเข้าเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบที่ขยายตัว แต่ในส่วนของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไม่รวมทองคำแท่งเดือนกุมภาพันธ์ 2558 หดตัวร้อยละ 1.6 จากมูลค่าส่งออกสินค้าที่มีราคาเกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันดิบ เช่น เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์พลาสติก และผลิตภัณฑ์ยาง ปรับตัวลดลง รวมทั้งการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสิ่งทอที่หดตัว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สศอ.ยังคงประมาณการดัชนี MPI ของปี 58 ที่ 3-4% ตามเดิม โดยคาดว่าดัชนี MPI เดือนมี.ค.58 จะยังขยายตัวเป็นบวกเมื่อเทียบกับมี.ค. 57 เนื่องจากเป็นช่วง Seasonal ของภาคการผลิตก่อนถึงช่วงวันหยุดต่อเนื่องหลายวันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยดัชนี MPI เดือนมี.ค.57 อยู่ที่ 178.52 และอัตราการใช้กำลังผลิตอยู่ที่ 64.47
"การผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นตัวหลักที่ทำให้ตัวเลขเดือน ก.พ. ของเราเพิ่มขึ้น เรายังค่อนข้างมั่นใจว่าเดือนต่อไปยังน่าจะเป็นบวกได้เพราะตามฤดูกาล อีกทั้งเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งมีวันทำงานเพียง 28 วัน โดยปกติตัวเลขไม่สูง แต่คราวนี้บวกสวนขึ้นมา ทำให้มั่นใจว่าจะเป็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน"นายสมศักดิ์ กล่าว