ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้มีสาเหตุจากการที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ระบุว่าได้พบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยของกรมการบินพลเรือนในการกำกับดูแลสายการบินไทยตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากล ผลจากเหตุนี้ทำให้องค์การการบินพลเรือนของประเทศญี่ปุ่นประกาศห้ามสายการบินของไทยเพิ่มเที่ยวบิน เปลี่ยนจุดบิน เปิดจุดบินเพิ่มหรือจุดบินใหม่ และเปลี่ยนขนาดเครื่องบิน
ผลจากเหตุการณ์นี้กระทบต่อธุรกิจนำเที่ยวและนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ซื้อแพ็กเกจนำเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งมีวันหยุดยาว สายการบินบางสายพยายามแก้ปัญหาโดยนำเครื่องบินสัญชาติอื่นเข้ามาเพิ่มเที่ยวบินเพื่อให้บริการแทนเครื่องบินที่จดทะเบียนอากาศยานไทย แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและอาจไม่เพียงพอ
ผลกระทบทางธุรกิจที่เกิดขึ้นวันนี้คือ นักท่องเที่ยวเริ่มไม่เชื่อมั่นว่าจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวตามแพ็กเกจได้จริง การขอคืนเงิน การชะลอการชำระเงินมีมากขึ้น ซึ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้นจะเติบโตรุ่งเรืองได้ก็ต้องอาศัยความเชื่อมั่นเป็นปัจจัยสำคัญ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สทท.จึงเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนดังนี้
1.ขอให้กระทรวงคมนาคมซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลกรมการบินพลเรือนสั่งการให้กรมการบินพลเรือนแก้ไขปัญหาที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยในการกำกับดูแลสายการบินของไทยให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และปรับโครงสร้างการกำกับดูแลการบินพลเรือนให้เป็นที่เชื่อถือขององค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ
2.ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งกำกับดูแลธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ได้เข้ามาดูแลจัดการปัญหาและผลกระทบที่นักท่องเที่ยวชาวไทยได้รับอยู่ ให้เกิดความเป็นธรรมทั้งผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ สทท.หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาและทำความเข้าใจกับมิตรประเทศได้ในเร็ววัน