อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ ธปท.มองว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้ยังมีเสถียรภาพ ทั้งดุลชำระเงินระหว่างประเทศ อัตราการว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ สถานะของธนาคารพาณิชย์ และทุนสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในฐานะที่มั่นคง แม้ว่าอาจยังมีปัญหาที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาด แต่เชื่อว่าปีนี้ยังขยายตัวได้ดีกว่าปีก่อนที่เติบโตเพียง 0.7% โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ราว 3.8% หรือมากกว่า 3% แสดงให้เห็นแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี
"เศรษฐกิจปีนี้เชื่อว่ายังฟื้นตัว แต่เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เหมือนเมื่อปีก่อนที่ชะลอลงจากปัญหาการเมือง เท่าที่ติดตามสัญญาณต่างๆเริ่มฟื้นตัว แต่ว่ายังมีความท้าทายอีก 3 ด้าน คือ เรื่องของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เช่น จีน ที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงมากจนกระทบการส่งออกทุกประเทศเป็นลบ ราคาพืชผลเกษตรที่มีปัญหากระทบรายได้ภาคเกษตร, ศักยภาพในการแข่งขัน และเรื่องของความเชื่อมั่น"ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว
ส่วนปัญหาหนี้ครัวเรือนนั้น ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ไม่ควรต้องกังวลมาก เพราะชะลอตัวลงแล้วเมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อน แต่ปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ประชาชนคือ ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ซึ่งรัฐบาลก็ได้เตรียมมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนไว้แล้ว และในอนาคตคาดว่าจะมีการเคลื่อนย้ายแรงงานออกจากภาคเกษตร ถือเป็นเรื่องดีที่จะมีการจัดสรรแรงงานสู่ภาคอื่นมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศนั้น ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งหน้าในช่วงเดือน เม.ย.จะตัดสินใจอย่างไร เพราะ กนง.ยังมีเวลาดูในภาพรวมอีกครั้งหนึ่ง