ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีการกำหนดหลักเกณฑ์การปล่อยกู้ตามความเหมาะสมของประเภทลูกค้าเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ 2.กลุ่มที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ 3.กลุ่มที่มีธุรกิจขนาดเล็กแต่มีแนวโน้มที่จะขยายตัวเป็นขนาดกลางได้ ซึ่งในกลุ่มเหล่านี้เบื้องต้นปล่อยกู้รายละ 15 ล้านบาท และ 4.กลุ่มที่รองรับการขยายตัวของการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งกลุ่มนี้ธนาคารประเมินว่าอาจมีความต้องการใช้เงินทุนมากกว่า 15 ล้านบาท จึงอาจมีการหารือกับคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) หรือซุปเปอร์บอร์ดเพื่อปรับเกณฑ์การปล่อยกู้เพิ่มเป็น 50 ล้านบาท
นางสาลินี กล่าวอีกว่า ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อในเดือน มี.ค.58 ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า หรือประมาณ 4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.พ.58) อยู่ที่ประมาณ 1.6-1.7 พันล้านบาท จากการเร่งปล่อยสินเชื่อซึ่งได้ร่วมมือกับพันธมิตรอย่างกระทรวงอุตสาหกรรม สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยที่ช่วยคัดกรองลูกค้าให้ธนาคาร
ขณะที่แผนฟื้นฟูกิจการของธนาคารยังคงทำเป็นไปตามที่ซูเปอร์บอร์ดกำหนดไว้ โดยยังสามารถลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ลงอย่างต่อเนื่อง และผลจากการปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าปีนี้การปล่อยสินเชื่อใหม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ 4 หมื่นล้านบาท